เตรียมหิ้ว หนุ่มจีน ชี้จุดฆ่าโหดอาม่า ลูกหลานบุกดูหน้า แฉ ฉกATM กดเงินเกือบครึ่งล้าน

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 12 ก.พ. ที่สน.บางเขน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมด้วยพล.ต.ท. ธีรพล คุปตานนท์ ผบช.ทท. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.คณบดี เลิศอมรศักดิ์ ผกก.กก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ท.ปรเมษฐ โพยนอก รอง ผกก.สส.สน.บางเขน พ.ต.ท.นิเวศน์ นิลวดี สว.สส.สน.บางเขน พ.ต.ท.ศราวุธ ปัญญาศรีวิชัย สว.สส.สน.บางเขน และเจ้าหน้าที่ตำรวจตม.จ.สุราษฎร์ธานี

ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายอู๋ จัว หมิง อายุ 28 ปี สัญชาติจีน พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท สร้อยข้อมือทองคำ หนัก 2 บาท แหวนทอง 1 สลึง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และเงินสด 22,000 บาท ภายหลังก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.อารยา ทรัพย์สวรรค์ อายุ 70 ปี อาชีพค้าส่งเสื้อผ้า ย่านสะพานใหม่ เหตุเกิดภายในห้องพักเลขที่ 564/38 คอนโดแห่งหนึ่ง ซ.พหลโยธิน 52 ถ.พหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้บริเวณท่าเทียบเรือหน้าทอน ม.3 อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน.สน.บางเขน รับแจ้งเหตุพบศพน.ส.อารยา ทรัพย์สวรรค์ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/128 หมู่ 7 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอนอยู่ภายในห้องดังกล่าว โดยมีสภาพลิ้นจุกปาก บริเวณลำคอมีร่องรอยเขียวคล้ำ

ซึ่งจากการตรวจสอบพบร่องรอยการต่อสู้และรื้อค้นทรัพย์สิน เมื่อสอบถามญาติผู้เสียชีวิตทราบว่าทรัพย์สินผู้ตายประกอบด้วยสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 2 บาท แหวนทองคำ น้ำหนัก 1 สลึง เงินสดและบัตรเอทีเอ็ม ได้อันตรธานหายไปอย่าลึกลับ ส่วนรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว้ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 1 ฒน 1523 กรุงเทพมหานคร ยังคงจอดอยู่หน้าคอนโดดังกล่าว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นทางเจ้าหน้าที่กก.สส.บก.น.2 พร้อมด้วยฝ่ายสืบสวนสน.บางเขน จึงรวมกันลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพร้อมทั้งสอบปากคำพยานบุคคลจนทราบข้อมูลว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา น.ส.อารยา เดินทางมาพร้อมกับนายอู๋ จัว หมิง เพื่อเปิดห้องพักจุดเกิดเหตุ

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันเดียวกัน นายอู๋ จัว หมิง ได้เดินออกจากห้องพักเพียงลำพังโดยในมือกำเชือกและถุงพลาสติก ทางเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมทั้งขออนุมัติออกหมายจับเพื่อติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีทางกฎหมาย กระทั่งสืบทราบว่าได้หลบหนีไปยังเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จึงประสานทางเจ้าหน้าที่ ตม.จ.สุราษฎร์ธานี รุดเข้าตรวจสอบจนสามารถจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่สน.บางเขน

ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า จากการสอบสวน นายอู๋ จัว หมิง รับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยประสงค์ต่อทรัพย์สินเพียงเท่านั้นเนื่องจากทราบว่าผู้เสียชีวิตมีฐานะ อีกทั้งต้องการนำเงินไปเลี้ยงดูครอบครัวที่บ้านเกิด ซึ่งขณะก่อเหตุนั้นตนใช้มือบีบคอผู้เสียหายจนนอนแน่นิ่ง เมื่อได้ทรัพย์สินมาทั้งหมดได้หันไปดูก็ยังพบว่าร่างกายของผู้เสียหายนั้นยังขยับตัวได้อยู่และไม่ทราบว่าจะเสียชีวิต

นอกจากนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เคยยืมเงินจำนวน 1.2 แสนบาท จากผู้เสียหายจริง โดยออกอุบายว่าจะนำเงินไปแต่งงานแต่ได้ทยอยคืนไปแล้วบางส่วน ซึ่งภายหลังก่อเหตุในครั้งนี้ได้เดินทางไปยังสายใต้ใหม่ พร้อมทั้งนำบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปกดที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย แต่กดอยู่หลายครั้งเนื่องจากไม่ทราบรหัสจนถูกตู้อายัดบัตร ก่อนตัดสินใจนั่งรถทัวร์หลบหนีไปยังเกาะสมุย จนกระทั่งมาถูกทางเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ดังกล่าว

“ฝากเตือนพี่น้องประชาชน หากพบชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่สถานที่ใดโดยแสดงท่าทางมีพิรุธสามารถโทรแจ้งสายด่วน 1155 ตลอด 24 ชั่วโมง” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว

ด้านบุตรสาวผู้เสียชีวิต เล่าวว่า เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้เดินทางมาจากประเทศจีน ก่อนทำทีเข้ามาตีสนิทกับมารดาตนที่ประเทศไทย โดยมารดาตนได้ไว้ใจและอาสาเป็นไกด์พาเที่ยว จากนั้นผู้ต้องหาได้ขอยืมเงินสดจำนวน 1.2 แสนบาท เพื่อนำไปแต่งงาน พร้อมทั้งขโมยบัตรเอทีเอ็มไปกดอีก 8 ครั้ง เป็นเงินสดจำนวน 4 แสนบาท แล้วหลบหนีกลับประเทศไป จนกระทั่งกลับมาในครั้งนี้ผู้ต้องหาได้ออกอุบายว่าจะนำเงินมาคืนจนมาก่อเหตุสลดดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.บางเขน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะเดียวกันพบว่า มีญาติของผู้เสียชีวิตนับ 10 คน ทยอยเดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวในครั้งนี้ ซึ่งทุกคนอยู่ในอาการเคร่งเครียด โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด ทั้งนี้ในเวลา 11.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (13 ก.พ.) เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุเพื่อสรุปในสำนวนคดีต่อไป


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน