เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยในปฏิบัติการจับกุม พระธัมมชโย และสถานการณ์บริเวณรอบวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนอยู่ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี ติดตามสถานการณ์จนถึง 24.00 น. และเพิ่มกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน จากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และภาค 7 เข้าเพิ่มในพื้นที่ ณะนี้ระดมกำลังไปกว่า 20 กองร้อยแล้ว เนื่องจากทางวัดธรรมกายและเครือข่ายมีการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย ปลุกระดมเชิญชวนคนเข้ามาภายในและบริเวณวัด ในลักษณะกองทัพมด เจ้าหน้าที่เกรงว่าจะมีมือที่ 3 ฉวยโอกาสสร้างความไม่สงบ จึงได้เพิ่มกำลัง

จากการสืบสวนติดตามตอนนี้กลุ่มมือที่ 3 ที่ว่าก็พยายามเข้ามาอยู่ สร้างสถานการณ์อยู่ อย่างไรก็ตาม สั่งการชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ใช้อาวุธเด็ดขาดและไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ปะทะ ที่สำคัญต้องไม่ประมาท เฝ้าระวังการปะทะไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งเหตุที่เกิดก็ไปดูแล้วกันว่าไม่ได้เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ การมาของมวลชนที่พบก็เป็นการเข้ามาในพื้นที่อย่างไม่ปกติ ถามผู้สื่อข่าวที่ไปทำข่าวที่ธรรมกายดูก็ได้

ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เป็นไปตาม มาตรา 44 เพื่อขอคืนพื้นที่ 2-3 วันแรกก็เห็นอยู่ว่าไม่มีอะไร ไม่มีการกระทบกระทั่งเรียบร้อยดี เจ้าหน้าที่ตรวจค้นตามปกติ แต่พอมาวัน 2-3 วันนี้ มีการระดมคน ตนและรัฐบาลบอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่า เมื่อมีหมายศาลก็ต้องเข้าไปดำเนินการ ส่วนรถน้ำอุปกรณ์ต่างๆ ก็เป็นการเตรียมไว้เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดี จะได้ระงับเหตุได้ทันท่วงที

เมื่อถามถึงกรณีการปะทะเมื่อเช้าที่ผ่านมา ที่ปรากฏภาพพระสงฆ์พยายามเดินเข้าหาเจ้าหน้าที่ คล้ายพยายามยั่วยุจะต้องดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เน้นย้ำตลอดว่าห้ามมีการปะทะ ใครเริ่มก่อน ก็ไปดูเอาแล้วกัน เราไม่เริ่มก่อนอยู่แล้ว เรื่องนี้ใครเริ่มก่อนก็แพ้ ถ้ามวลชนเข้ามารวมตัวเกิด 5 คนก็ถือว่าขัดคำสั่ง คสช. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่างไม่ดี คือทำให้กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ปกติการมีหมายค้นก็ต้องค้น แต่เมื่อถึงเวลาที่กำหนดเจ้าหน้าที่ก็ต้องกลับ แล้วนี่ปลุกระดมกันมาไม่รู้ว่ามีวัตถุประสงค์อะไร ตอนนี้ก็ยังมีการปลุกระดมทางโซเชียลตลอด ซึ่งเจ้าหน้าที่ หน่วยที่เกี่ยวข้องก็ต้องไปดำเนินการว่าจะทำอย่างไรกับกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางโซเชียล เว็บไซต์ หรือเพจเหล่านั้น

เมื่อถามว่า ในเมื่อพบการะดมคนเข้าพื้นที่ วัดธรรมกาย จะต้องสั่งการตำรวจสกัดการเดินทางของกลุ่มนี้หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ถ้าพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายมาเติมเต็ม มาร่วมชุมนุมก็ต้องดำเนินการอยู่แล้วแต่ย้ำว่าตำรวจยังไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด ย้ำว่ายังคงเจรจาก่อน ยังไม่มีการยกระดับใดๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมตั้งข้อสังเกตว่า พระสงฆ์ภายในวัดพระธรรมกายบางส่วน ที่มีพฤติกรรมยั่วยุรุนแรง อาจไม่ใช่พระจริง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า อยากให้ไปดูพระวัดอื่น ใส่หน้ากากแบบนี้หรือไม่ มีพระใส่หน้ากากออกบิณฑบาตรหรือไม่ ที่เห็นก็มีวัดนี้วัดเดียว หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นพระปลอม ก็ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติสงฆ์อยู่แล้ว

สำหรับกรณี ที่พระลูกวัดพระธรรมกายออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า พระธัมมชโยออกจากวัดไปตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า คงจะมีพระลูกวัดอย่างนี้เยอะๆ ที่มาให้ข้อมูลลูกพี่ตัวเอง แต่ก็ขอบคุณ น่าจะบอกด้วยว่ามีหมายเลขโทรศัพท์อะไร เจ้าหน้าที่จะได้ไปตาม

ส่วนการข่าวตนยังยืนยันว่า พระธัมมชโยอยู่ในประเทศไทย ส่วนจะอยู่ในวัดหรือไม่ ตอบได้แค่ว่าวัดก็อยู่ในประเทศไทย ตนขอให้พระธัมมชโยมอบตัวตั้งนานแล้ว ถ้าเข้าสู่กระบวนการทุกอย่างก็จบ มาพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม ส่วนจะมีโอกาสได้ตัวมาดำเนินคดีหรือไม่ ฝากสื่อมวลชนไปถามด้วยถ้าเจอ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ตำรวจเป็นเพียงผู้สนับสนุน ส่วนจะเปลี่ยนให้ตำรวจนำบัญชาการเหตุการณ์หรือไม่ อยู่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังไม่สั่งการอะไรอย่างอื่น แต่ถ้าต้องให้ตำรวจนำ ถ้ามีคำสั่งมา ตนเป็นฝ่ายปฏิบัติบัติก็ต้องน้อมรับอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม การที่สถานการณ์กลับดูเพิ่มความรุนแรงขึ้น ไม่ได้เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด แต่เพราะมีฝ่ายที่ยั่วยุ ส่วนเป็นแผนหรือเกมของทางวัด ที่วางได้หรือไม่นั้น ก็เป็นไปได้ ส่วนแผนการที่ใช้ในการควบคุมพื้นที่ตอนนี้ไม่ขอวิจารณ์ แต่กำลังตำรวจพร้อมให้การสนับสนุนทุกอย่าง เพิ่มกำลังเมื่อร้องขอ มีการพูดคุยกับกรมสอบสวนคดีพิเศษทุกวัน วันนี้ก็จะไปติดตามเหตุการณ์ที่ตชด.ภาค 1 อีก ทั้งนี้สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ต้องใช้ความรุนแรง ใดๆ ตำรวจคนไหนมีอาวุธ แม้แต่กระบองติดไป ตั้งกรรมการสอบสวนทันที เชื่อว่าสถานการณ์นี้ต้องจบภายใน 7 วัน หมายถึงในอาทิตย์ถึงเสาร์นี้แหละสักวันหนึ่ง

“ผมบอกไปแล้วผู้ชุมนุมที่เข้ามามาในฐานะอะไร กฎหมายถ้าเริ่มนับหนึ่งแล้ว มันหยุดลำบาก เขาก็รู้กฎหมายอยู่แล้ว มาเกิน 5 คนหรือเปล่า ขัดคำสั่งคสช.หรือไม่ มีพ.ร.บ.ชุมนุมอยู่ ไปขออนุญาตที่โรงพักมาหรือเปล่า แต่ชาวบ้านบางคนไม่รู้ ส่วนจะเสนอกระทรวงดิจิตอลฯปิดเว็บที่ปลุกระดมหรือไม่นั้น ทางดีเอสไอดูอยู่ ยอมรับว่าตำรวจไม่เชี่ยวชาญการตอบโต้ทางโซเชียล เพราะอาชีพเราคือการดูแลชีวิต ทรัพย์สินประชาชน จับคนร้าย เมื่อเทียบกับคนที่ปลุกระดม ส่วนการปรับแผนขึ้นอยู่กับดีเอสไอ ตอนนี้เฝ้าระวังมือที่ 3 เท่าที่ดูมวลชนที่ปิดหน้า พวกนี้น่าจะเป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์หมด” ผบ.ตร.
กล่าว

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน