เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณประตู 5-6 วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี ช่วงเย็นหลังพระนพพรตัวแทนฝ่ายวัดและพ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ เข้าหารือทำข้อตกลงร่วมกันเพื่อป้องกันการเผชิญหน้าทั้งสองฝ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจและพระสงฆ์ต่างอยู่ในที่ตั้งกันตามปกติ ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ในส่วนของทางวัดมีการสวดมนต์อยู่เป็นระยะ ทั้งนี้ช่วงเวลา 16.00 น. มีลูกศิษย์วัดบางส่วนทยอยเดินทางออกเป็นกลุ่ม โดยเจ้าหน้าที่คอยเปิดรั้วเหล็กกั้นอำนวยความสะดวกให้

ต่อมาเวลา 16.30 น. พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า หลังจากมีผู้ใหญ่ในรัฐบาล ออกมาระบุว่าทางวัดใช้ระบอบปกครองตัวเองเป็นเอกเทศ ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในวัดเข้าไปตรงจสอบภายในวัด ซึ่งในส่วนนี้ทางวัดขอชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง ซึ่งที่ผ่านมาทางวัดได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นอย่างดี ตั้งแต่เคสสหกรณ์คลองจั่นจนกระทั่งใช้มาตรา 44 แม้ทางวัดจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ปัจจุบันทางวัด หลวงพ่อ และสาธุชน ถูกตั้งข้อหาและออกหมายจับ 3 หมายจับ คดีความ 308 คดี ถูกยึดพื้นที่ 6 ประตูทางเข้า และถูกอายัดอาคาร 15 อาคาร อีกทั้งในช่วงเวลากลางคืนก็มีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนตรวจตราในวัดปกติ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ รวมถึงมีการเซ็นต์เอกสารให้ความร่วมมือต่างๆเรียบร้อยดี

พระสนิทวงศ์ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งวันนี้มีมาตรการรุนแรง โดยมีการคัดแยกพระลูกศิษย์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากตัววัด และเรียกพระ 14 รูป เข้ารายงานตัว ซึ่งทุกอย่างก็เรียบร้อยดี อีกทั้งมีเจ้าหน้ามี่ระดับสูงออกมาบอกว่าปฏิบัติการดังกล่าวไม่ได้เป็นการกดขี่ทางวัด ซึ่งที่ผ่านมาทางวัดถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐคุกคาม โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคงโพสข้อความในเฟซบุ๊ก ว่าจะมีการใช้วัตถุระเบิดสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นในวัด ขณะเจ้าหน้าที่อีกรายโพสต์ข้อความที่หยาบคาย ซึ่งแสดงออกถึงการไม่ให้ความเคารพ เช่นเดียวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่นำเฮลิคอปเตอร์มาบินเหนือวัดในระดับต่ำ รวมถึงการนำรถฉีดน้ำและแก๊สน้ำตา ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับพระ และสาธุชนที่อยู่ภายในวัดเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาพวกเราอยู่กันด้วยความสงบสุข พระบางรูปจำวัดมาเป็นเวลานาน

ในส่วนของยอดผู้บาดเจ็บในเหตุปะทะเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่ามีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมด 7 ราย มีที่อาการค่อนข้างหนักจำนวน 2 ราย รายแรกหญิงอายุ 63 ปี ถูกล้มทับจนกระดูกซี่โครงหัก 6 ซี่ ไหปลาร้าหัก และมีรอยฟกช้ำในใบหน้า ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมีการกระทบกระเทือนทางสมองด้วยหรือไม่ รายที่ 2 เป็นชายอายุ 55 ปี ถูกชอร์ตด้วยเครื่องชอร์ตไฟฟ้า และในจำนวนดังกล่าวยังมีพระสงฆ์ อายุ 41 ปี ได้รับบาดเจ็บตามแขน ขา และร่างกายรวมอยู่ด้วย ซึ่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งรพ.ประชาธิปัตย์ โดยทางเรามีเอกสารเป็นใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลยืนยัน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าทางรัฐทำเกินกว่าเหตุ ตนจึงขอวิงวอนให้ทางเจ้าหน้าที่เปิดเส้นทางถนนเรียบคลองแอลที่ใช้เป็นเส้นทางมายังประตู 5 และ 6 ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ และอยากให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงเห็นใจ เพราะที่ผ่านมาบางท่านอาจได้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน จนเกิดความเข้าใจผิด และอยากให้ยกเลิกม.44 แล้วหันมาพูดคุยกัน

ส่วนกรณีที่มีหมายเรียกตนให้ไปพบเจ้าหน้าที่นั้น ตนขอพิจารณาก่อน เนื่องจากได้ปรึกษาทางโยมแม่ ซึ่งท่านขอให้รอไปก่อน เพราะเกรงว่าหากออกไปแล้ว จะไม่ได้กลับเข้ามาในวัดอีก และเท่าที่ทราบในตอนนี้ท่านมหานพพรได้เข้าพบกับรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว

ส่วนกรณีที่ภาพข่าวปรากฎมีพระลูกวัดรูปหนึ่งล็อคคอเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เมื่อวานนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เนื่องจากอาตมาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่สามารถให้รายละเอียดในเรื่องนี้ได้ ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนา จะทำการขอตรวจสอบใบสุทธิพระลูกวัดทั้งหมดนั้น เบื้องต้นได้รวบรวมรายชื่อและเอกสารพระลูกวัดทั้งหมดแล้ว ซึ่งคงต้องใช้เวลาก่อนที่จะนำส่งให้ทางสำนักพุทธศาสนาได้ สุดท้ายนี้ขอวิววอนทางเจ้าหน้าที่อย่าได้ตัดน้ำตัดไฟภายในวัดเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลูกศิษย์บางส่วนทยอยกันเดินทางกลับที่พักบ้างแล้ว หลังจากเริ่มมืดค่ำ โดยมีตำรวจตชด.ยังคงปักหลักยืนอยู่บริเวณทางเข้าประตู 5-6 เหมือนเดิม โดยมีลูกศิษย์วัดบางส่วนจะเดินทางเข้ามาในวัด แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้กลับเข้าไปได้อีก

เวลา 19.00 น. บริเวณทางเข้าประตู 5-6 ทางพระและลูกศิษย์วัดนำผ้าแสลนสีเขียวมาปิดบังบริเวณเต็นท์กลางถนน และยังคงนั่งสวดมนต์ประจันหน้าห่างกับเจ้าหน้าที่ 10 เมตร โดยมีลูกศิษย์บางส่วนขอออกจากพื้นที่วัดเป็นระยะๆ ซึ่งคนที่ออกไปแล้วทางเจ้าหน้าจะไม่ให้กลับเข้ามาอีกโดยเด็ดขาด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน