2ผัวเมียนอนคุก วืดประกัน ปลอมไลน์โจ๊ก – บิ๊กแป๊ะ ตุ๋นตร.วิ่งตำแหน่ง

ปลอมไลน์โจ๊ก / จากกรณี พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.3 บก.ปอท.

ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายกิตติศักดิ์ สิริวิทยา อายุ 31 ปี และ น.ส.ไพลิน วีอูบแก้ว อายุ 29 ปี สองสามีภรรยาที่แอบอ้างปลอมไลน์เป็นพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เพื่อเรียกรับเงินวิ่งเต้นโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ต่อมาเวลา 09.00 น. วันที่ 1 มี.ค. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ควบคุมตัวนายกิตติศักดิ์และน.ส.ไพลิน ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาล ผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.-12 มี.ค. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานอีก 3 ปาก รอผลตรวจของกลางและผลตรวจพิมพ์มือผู้ต้องหา

โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ สรุปว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ทนายความของผู้เสียหายรายหนึ่ง (ปิดบังชื่อสกุล) ได้รับมอบอำนาจมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ให้ดำเนินคดีกับนายกิตติศักดิ์ และน.ส.ไพลิน ซึ่งได้หลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไป

โดยก่อนหน้านี้ประมาณเดือน ม.ค. นายกิตติศักดิ์อ้างว่ารู้จักกับพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. และอ้างว่ารู้จักบัญชีไลน์ปลอมที่แสดงตนเป็น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อมาตลอดว่าเป็นบัญชีไลน์จริง

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ต่อมาบัญชีดังกล่าวได้หลอกลวงขอยืมเงินผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้จำนวน 9 ครั้ง ผ่านบัญชีของผู้ต้องหาทั้งสอง รวมมูลค่าความเสียหาย 1,520,000 บาท เมื่อติดตามทวงถามก็ถูกผัดมาโดยตลอด ต่อมาผู้เสียหายทราบว่าตนเองถูกหลอกลวง จึงมอบอำนาจให้ทนายความมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองและบุคคลที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ต่อมาวันที่ 27 ก.พ. เวลาประมาณ 13.00 น. ผู้ต้องหาทั้งสองถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางแค ก่อนควบคุมตัวมาที่ บก.ปอท. พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง

และร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 มาตรา 8 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) มาตรา 14 (1) วรรคท้าย และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 324(1) มาตรา 83

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ แต่ต่อมาในชั้นสอบสวนนายกิตติศักดิ์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วน น.ส.ไพลิน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง หากให้ประกันตัวเกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองน่าจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาญาติยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 2 แสนบาทขอปล่อยชั่วคราวเฉพาะน.ส.ไพลิน เพียงคนเดียว ส่วนนายกิตติศักดิ์ ไม่มีการยื่นขอประกัน อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า เป็นการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่พนักงานสอบสวนต้องตรวจสอบ

หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าอาจไปยุ่งเหยิงกับหลักฐานและหลบหนีได้ จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง ก่อนควบคุมตัวทั้งคู่ส่งเข้าเรือนจำต่อไป

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน