หลังจากสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล เผยแพร่แถลงการณ์เรื่องการใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พุทธศักราช 2560 เป็นอำนาจเผด็จการและขัดหลักนิติธรรม โดยเห็นว่าเป็นการใช้อำนาจในลักษณะมีความพร่ำเพรื่อและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนอันควรที่จะใช้อำนาจตามมาตราดังกล่าว อีกทั้ง ในหลายกรณีรัฐบาลและหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ยังสามารถดำเนินการบังคับใช้มาตรการตามกฎหมายทั่วไปหรือขั้นตอนตามกฎหมายปกติได้ นอกจากนี้เป็นการใช้อำนาจที่เผด็จการและขัดกับหลักนิติธรรม ถึงแม้ว่าการใช้อำนาจตามมาตราดังกล่าวจะเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แต่ขาดการตรวจสอบถ่วงดุลและขาดความชอบธรรมในกระบวนการออกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้หัวหน้าคสช.ยุติการใช้อำนาจตามมาตรา 44 โดยออกแถลงการณ์เมื่อกลางดึกวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา

ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 26 ก.พ. มหาวิทยาลัยมหิดล ออกแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่มีกลุ่มบุคคลออกแถลงการณ์ในนามสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล คัดค้านการใช้อำนาจตามมาตรา 44 นั้น มหาวิทยาลัยมหิดลขอให้กลุ่มบุคคลยุติการกระทำดังกล่าวในทันที การกระทำดังกล่าวไม่ใช่เสรีภาพทางวิชาการ เป็นการแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยมหิดลในทางที่เกิดความเสียหายต่อสื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาลัยจะได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาทางวินัยต่อไป

ล่าสุดนายโคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล เปิดเผยกับข่าวสดถึงกรณีดังกล่าวว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดลได้ออกแถลงการณ์ถึงการประกาศใช้อำนาจตามมาตรา 44 เนื่องจากเห็นว่าเป็นการประกาศใช้ที่พร่ำเพรื่อและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน อีกทั้งยังขัดต่อหลักนิติธรรมและหลักธรรมาภิบาล ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวเมื่อออกมาอาจทำให้ม.มหิดลไม่สบายใจ จึงออกแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัย เพื่อปกป้องชื่อเสียงของม.มหิดล

นายโคทมเผยกับข่าวสดอีกว่า สำหรับสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ถือเป็นสถานบันเล็กๆที่อยู่ในม.มหิดล การที่สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษาออกแถลงการณ์คัดค้านการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ถือเป็นการแสดงออกด้านเสรีภาพ โดยไม่ได้แอบอ้างชื่อของม.มหิดล แต่เป็นการแสดงความเห็นของสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษาเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน