จากกรณีนายอนวัช ธนเจริญณัฐ อายุ 64 ปี ปีนเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ แล้วผูกคอตายประท้วงขอให้มีการยกเลิกมาตรา 44 ให้พื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมเหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา จากที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การฆ่าตัวตายมีจากหลายสาเหตุ แต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างกรณีนายอนวัช ไม่อยากให้มีการโยงว่าเกิดจากความคับแค้นใจที่มีมาตรา 44 คุมพื้นที่วัด จากการสอบสวนโรคพบว่านายอนวัชมีประวัติป่วยเป็นโรคซึมเศร้า รักษาตัวมาสักระยะแล้ว แต่รักษาไม่ต่อเนื่อง อีกทั้งยังเคยมีประวัติทำร้ายร่างกายตัวเองมากก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์นั้น นายอนวัชเริ่มมีภาวะซึมเศร้า และปลีกตัวออกมา แต่ก็ยังไม่มีใครสังเกตเห็น อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุขึ้นทางกรมสุขภาพจิตได้มีการส่งทีมสุขภาพจิตลงไปเยียวยาจิตใจของญาติผู้เสียชีวิตแล้ว เน้นการปลอบประโลม และป้องกันไม่ให้เกิดความเคียดแค้น
อ่านข่าว สลด! ลุงปีนเสาประท้วงม.44 ผูกคอโดดลงจากเสาเสียชีวิตแล้ว (คลิป)
นพ.บุญเรือง กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่วัดพระธรรมกายนั้นทางกรมสุขภาพจิตคงไม่ได้ส่งทีมเข้าไป แต่อยากขอให้ประชาชนได้ตระหนักอย่าใช้การทำร้ายร่างกายตัวเอง มาเป็นเครื่องต่อสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะ เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายแล้ว ยังผิดหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา และอย่าไปประโคมว่าที่คนทำร้ายตัวเองนั้นเกิดจากการที่รัฐบาลออกมาตรา 44 เพราะที่จริงแล้วคนแต่ละคนมีเหตุผลในการทำร้ายตัวเองแตกต่างกัน ยิ่งคนที่มีภาวะซึมเศร้ายิ่งมีความเสี่ยงทำร้ายตัวเองมาก และคนที่มีประวัติทำร้ายตัวเองมาก่อนจะเสี่ยงทำร้ายตัวเองในครั้งต่อไปสูง และมีโอกาสทำสำเร็จมาก
ดังนั้น คนใกล้ชิดต้องหมั่นสังเกต ถ้าพบสัญญาณซึมเศร้า ปลีกตัวออกจากสังคมจะต้องคอยปลอบประโลม รับฟังเขา คอยช่วยเหลือเขา ถ้าเกินความสามารถก็สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ ทั้งนี้ หากพบเหตุการณ์ที่คนกำลังจะทำร้ายตัวเองนั้น อยากให้บรรดาไทยมุงซึ่งก็เข้าใจว่าบางคนอยากจะช่วยเกลี้ยกล่อม แต่คนที่กำลังคิดจะทำร้ายตัวเองนั้นจะไม่คิดแบบนั้น เขาจะคิดว่าคนจะทำร้ายตัวเขา และเพิ่มความวิตกกังวล และยิ่งคุ้มคลั่ง ถ้าเจอเหตุการณ์ขอให้มีคนในบริเวณนั้นน้อย และมีผู้เชี่ยวชาญค่อยเกลี้ยกล่อมเพื่อให้ผู้ก่อเหตุผ่อนคลายลง
