จับหนุ่มแร็พเปอร์ ร่วมกับพวก ล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยว บนบีทีเอส ทองหล่อ

จับหนุ่มแร็พเตอร์ / เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 3 เม.ย. ที่ ห้องศูนย์หมายจับคนร้ายข้ามชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธีรพล คุปตานนท์ ผบช.ทท.

พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผบช.สตม. พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รองผบช.สตม. พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.ทท.1 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ทินกร สมวันดี ผกก.สน.พระโขนง ตำรวจท่องเที่ยว ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท. 1 สตม. และ สน.พระโขนง

ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาล้วงกระเป๋า 3 ราย ประกอบด้วย นายอิคชินกอรู มังปายา อายุ 26 ปี นายกานซัค อิกปายา อายุ 27 ปีและนายปาสุเรน เออเดนปายา อายุ 27 ปี ทั้งหมดสัญชาติมองโกเลีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนงที่ จ.201-203/2562 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2562 ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์” โดยจับกุมได้ภายหลังก่อเหตุ ระหว่างเดินทางจากสถานีทองหล่อไปยังสถานีอ่อนนุช

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกวดขันจับกุมกลุ่มชาวต่างชาติ ที่เข้ามาในประเทศไทยโดยการแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว เพื่อเข้ามาก่ออาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมที่กระทบกับความมั่นคงต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศไทย

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้สนองนโยบายรัฐบาล ศปอส.ตร. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ทำการปราบปรามอย่างจริงจัง จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 11 มี.ค. เวลา 18.20 น. ผู้เสียหายชาวสโลวาเกียขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีทองหล่อ ขณะที่กำลังเข้าขบวนรถไฟฟ้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีอ่อนนุช คนร้ายชาวมองโกเลีย ได้เดินตามผู้เสียหายเข้าไปในขบวนรถไฟฟ้า และลักทรัพย์ผู้เสียหายภายในขบวน

มีทรัพย์สินสูญหายเป็นกระเป๋าเงิน สีเทา 1 ใบ ภายในมีเงินสกุลไทย 2,000 บาท บัตรเดบิต 4 ใบ และเอกสารส่วนตัว ต่อมาเวลา 20.00 น. ได้ตรวจสอบถังขยะบริเวณลานสกายวอล์ค สยามดิสคอเวอร์รี่ พบกระเป๋าเงินของผู้เสียหายทิ้งอยู่ในถังขยะดังกล่าว จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดทราบว่า คนร้ายชาวมองโกเลีย 3 คน ได้นำกระเป๋าเงินมาทิ้งไว้ในถังขยะดังกล่าว ก่อนจะหลบหนีไป

จากการสอบถามผู้ก่อเหตุให้การว่า มักจะเลือกก่อเหตุล้วงกระเป๋าตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีคนพลุกพล่าน เช่น ห้างสรรพสินค้า และตามสถานีรถไฟฟ้า โดยเลือกเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ไม่ทันระวังตัว และชาวต่างชาติ เนื่องจากไม่ค่อยแจ้งความดำเนินคดี

จากการตรวจสอบการเข้ามาในราชอาณาจักรไทย พบว่าทั้งหมดเข้ามาในลักษณะวีซ่านักท่องเที่ยว โดยนายอิคชินกอรูเข้ามา 2 ครั้ง นายกานซัค เข้ามา 1 ครั้ง และนายปาสุเรน เข้ามา 4 ครั้ง

ทั้งนี้มีข้อสังเกตดังนี้ 1.กรณีที่คนร้ายชาวต่างชาติ ก่อเหตุในประเทศไทย ที่ผ่านมามีการจับกุมแก๊งล้วงกระเป๋าชาวกัมพูชา ฟิลิปปินส์ มองโกเลีย เวียดนาม 2.การก่อเหตุส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ กระทบถึงการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย

3.คนร้ายมักเลือกก่อเหตุกับชาวต่างชาติ เนื่องจากชาวต่างชาติมักจะไม่สามารถสื่อสารได้ง่าย หรือไม่ได้ระมัดระวังทรัพย์สิน 4.เบี้ยประกันภัยทรัพย์สินที่นักท่องเที่ยวต้องจ่ายสูงขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 5.บางครั้งคนร้ายได้เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล และหมายเลขพาสปอร์ต แล้วเดินทางเข้ามาก่อเหตุ ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ ซึ่งหากมีการนำระบบไบโอเมทริกซ์ มาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันคนร้ายมากขึ้น

ขณะที่ พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า ฝากไปถึงผู้ประกอบการที่พักต่างๆ ควรแจ้งถิ่นที่พักของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพัก ตามมาตรา 38 เป็นสิ่งสำคัญ เพราะผู้ต้องหาในคดีนี้ 2 ใน 3 ราย ไม่มีการแจ้งที่พักไว้ จึงทำให้การตรวจสอบยากยิ่งขึ้น ผู้ครอบครองและผู้จัดการโรงแรมต่างๆ มีหน้าที่แจ้งตามมาตรา 38 ขอให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย เพื่อการทำงานของตำรวจจะได้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า นายอิคชินกอรู มังปายา อายุ 26 ปี นายกานซัค อิกปายา อายุ 27 ปี ผู้ต้องหายังเป็นนักร้องแร็พเปอร์ชื่อดังที่บ้านเกิดของตน และที่ผ่านมามีการจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติมองโกเลียก่อเหตุล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยว โดยเดือนส.ค. 61 มี.ค.และ เม.ย. สามารถจับผู้ต้องหาได้ยกแก๊งครั้งละ 3 คน

โดยพบว่าแต่ละคนจะแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งจับ ล้วง และบัง ผู้ต้องหาที่มาก่อเหตุมักเลือกมาลงที่สนามบินสมุย นอกจากนี้ชาวมองโกเลีย มีลักษณะคล้ายคนจีนจึงอาศัยปะปนไปกับนักท่องเที่ยว และเลือกก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยระวังตัวและมาคนเดียว

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน