จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ มือปืนจ่อยิงน.ส.วีรญาภา หรือเปิ้ล งามวิลัย หัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน อบต.บึงชำอ้อ เสียชีวิตขณะขับรถเก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด สีเทา ทะเบียน 4 กอ-8489 กรุงเทพ โดยยิ่งเข้าที่หน้าอก 1 นัดและสีข้างด้านซ้ายอีก 1 นัด เหตุเกิดถนนสายตัดใหม่วังน้อย-ธัญบุรี ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 มี.ค. จากการสอบสวนพยานเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายขับรถมากับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งนั่งเบาะข้าง แล้วเกิดมีปากเสียงกันรุนแรง คนร้ายชักปืนยิงใส่ผู้ตายจนเสียชีวิต จากนั้นก็เปิดประตูหลบหนีไปทันที (อ่านข่าว – ทะเลาะกันในรถ หนุ่มจ่อยิงสาวอบต.ขณะขับเก๋งดับคาที่ ก่อนเปิดประตูเผ่น ตร.มุ่งปมชู้สาว(คลิป)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.วีรญาภาเพิ่งโพสต์ในเฟซบุ๊คว่า “อยากไปทำบุญ อยากไปพักผ่อนไกลๆ ที่ไหนสักแห่ง อยากไปที่เงียบๆ ธรรมชาติ อากาศดีๆอยากไปๆๆๆๆๆ” แล้วโพสต์คลิปไปไหว้พระและให้อาหารปลาด้วย (อ่านข่าว – เปิดโพสต์สุดสลด “อบต.สาว”เพิ่งทำบุญไม่นาน ก่อนถูกยิงตายคาเก๋ง)

เมื่อวันที่ 15 มี.ค. พล.ต.ต.อำนาจ จันทร์เจริญ ผบก.สส.ภาค 1 พร้อมด้วยพ.ต.อ.อำนวยพันธุ์ นิลน้อย ผกก.สภ.คลองห้า ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนเพื่อติดตามจับคนร้ายที่ก่อเหตุสังหารน.ส.วีรญาภา หรือเปิ้ล โดยได้เชิญนายไพโรจน์ ปิติพันธรัตน์ อายุ 56 ปี อดีตกำนันคนดังที่ระยอง เจ้าของรีสอร์ตแห่งหนึ่งที่จ.ระยอง ซึ่งเป็นสามีของน.ส.วีรญาภา หรือเปิ้ล มาสบปากคำ (อ่านข่าว – สลด! สาวอบตเพิ่งจดทะเบียนสมรสแค่ 1 วันก่อนถูกยิงตาย ตร.ควานตัว”นายกหมึก”คลี่ปม

พล.ต.ต.อำนาจ เปิดเผยว่า ได้ทำการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องแล้วจำนวน 5-6 ปาก 1 ในนั้นเป็นสามีของผู้ตายคือนายไพโรจน์ ปิติพันธรัตน์ อายุ 54 ปี เจ้าของสวนผลไม้ และรีสอร์ทในจ.ระยอง เป็นกำนันป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง โดยนายไพโรจน์ให้การว่าเมื่อวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม ก่อนภรรยาจะผู้เสียชีวิต ได้บอกว่าอยากมีลูก แต่มีไม่ได้เพราะภรรยาผ่าตัดมดลูก เลยปรึกษากันว่าจะทำอุ้มบุญเด็กแทน

ภาพถ่ายนายไพโรจน์กับน.ส.วีรญาภา ผู้ตาย ตอนไปจดทะเบียนสมรสเมื่อวันท่ี่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.อำนาจกล่าวว่า จากนั้นนายไพโรจน์จึงพาน.ส.วีรญาภาไปจดทะเบียนสมรส เพราะต้องเป็นหลักฐานในการรับรองบุตร ส่วนการคบหา นายไพโรจน์คบกับผู้ตายคบกันได้ 4-5 เดือน เพราะเห็นว่าผู้ตายโสด ได้หย่าร้างกับสามีเก่าที่เป็นอดีตนายก อบต.ที่ชลบุรีมาได้ 2 ปีกว่าแล้ว ส่วนการสังหารครั้งนี้ นายไพโรจน์คิดว่าเป็นเรื่องแค้นส่วนตัว

พล.ต.ต.อำนาจกล่าวอีกว่า ส่วนการสอบปากคำนางบานเย็น งามวิลัย อายุ 52 ปี แม่ผู้ตายให้การว่าปกติลูกสาวมักจะโทรมาเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังตลอด โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่อยู่กับสามีเก่าที่เป็นอดีตนายกอบต.พานทองที่คบหากันก่อนหน้านี้ได้ 4-5 ปี และได้จดทะเบียนสมรสกันด้วย แต่ได้หย่ากันเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะรู้ว่าอดีตนายกอบต.พานทองมีครอบครัวแล้ว

นางบานเย็นให้การว่า นอกจากนี้ฝ่ายชายเป็นคนขี้หึงและอารมณ์รุนแรง ซึ่งระยะหลังก็ตามง้อขอคืนดีไม่ยอมเลิกมาตลอด ส่วนรถเก๋งคันนี้ลูกสาวเป็นคนส่งเอง แต่ตอนไปซื้อกันแม่ไม่รู้ว่าเงินใคร เพราะลูกสาวไม่ได้บอก หลังจากนี้แม่ขอให้เป็นเรื่องของกฎหมาย อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาดำเนิดคดีให้ได้โดยไว ส่วนศพลูกสาวจะรับไปบำเพ็ญตามศาสนาที่วัดสระลำใยต่อไป

ต่อมา 13.00 น. พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ1. พร้อมด้วยชุดสืบสวนภาค 1 เดินทางมาประชุมสั่งการด้วยตัวเอง โดยพล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจยังคงมุ่งประเด็นไปในเรื่องชู้สาว ส่วนประเด็นที่สองเป็นเรื่องส่วนตัว ทั้งนี้ได้ส่งชุดสืบสวนไปยังบ้านผู้ต้องสงสัยตามที่พยานให้การทุกที่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้มีบุคคลต้องสงสัยหลายคนเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่ผู้ตายเข้าไปมีความสนิทสนม ทางตำรวจได้เรียกมาสอบสวนทั้งหมด ส่วนช่วงที่ก่อเหตุพบว่ามีรถกระบะอีซุซุ 4 ประตู สีดำ ยังไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซึ่งช่วงที่ผู้ตายขับรถวิ่งผ่านกล้องวงจรปิดบนถนนสายวังน้อย-ธัญบุรีรถคันดังกล่าวได้ขับออกมาจากจุดเกิดเหตุในเวลานั้น

พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวว่า ส่วนคนร้ายสันนิษฐานว่าอาจจะขับรถตามมาแล้วมาขึ้นรถนั่งบริเวณเบาะหลัง มีการพูดคุยตกลงปัญหาอะไรบางอย่าง กระทั่งเห็นใบทะเบียนสมรสวางอยู่ที่เบาะ จึงจ่อยิงจำนวน 2-3 นัดทำให้ใบสมรสเต็มไปด้วยเลือด ซึ่งหลังจากประชุมเสร็จ ตำรวจได้แบ่งทีมกันทำงาน ทั้งไปบ้านผู้ต้องสงสัยทุกคน ทั้งกำนันในพื้นที่ที่ผู้ตายทำงานอยู่ หรือเพื่อนชายที่ทำธุรกิจเต็นท์รถมือสอง หรือแม้กระทั่งอดีตนายกอบต. ทางตำรวจได้เชิญมาสอบปากคำทั้งหมด หากพบว่าพยานหลักฐานถึงใครก็จะขออนุมัติหมายจับมาดำเนิดคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้นำคลิปกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุมาตรวจสอบ พบว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายขับรถเก๋งมาจอดที่ข้างทาง จากนั้นมีรถปิกอัพ 4 ประตู สีดำมาจอดด้านหลัง สักพักมีผู้ชาย 2 คนเดินมาที่รถผู้ตาย คนแรกที่สวมเสื้อสีดำ กางเกงยีนส์ ได้เดินไปเปิดเปิดกระโปรงท้ายรถดู จากนั้นไปเปิดประตูหน้าด้านซ้าย เข้าไปนั่งในรถ ส่วนคนร้ายอีกคนสวมเสื้อดำ เดินไปเปิดประตูหลังด้านขวา ขึ้นไปนั่ง สักพักคนร้ายที่นั่งหลัง เดินกลับไปที่รถปิกอัพ

จังหวะนั้นเอง ในคลิปวงจรปิดจะเห็นว่ารถเก๋งของผู้ตายได้ถอยหลังจากตกขอบถนน ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงที่คนร้ายที่นั่งเบาะข้างลงมือยิงผู้ตายแล้ว สักพักคนร้ายก็เปิดประตูด้านหน้าซ้ายแล้วเดินกลับไปที่รถปิกอัพ ก่อนที่จะพากันขับหลบหนีไปทั้ง 2 คน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน