บุกทลาย 2 ผับ กลางเมืองพัทยา เจอฉี่ม่วง 155 คน ปล่อยเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเที่ยว 5 คน พบยาไอซ์ ยาอี ตกเกลื่อนพื้น เจ้าของอ่วม เจอฟันหลายข้อหาหนัก เตรียมชงเรื่องผู้ว่าชลบุรีสั่งปิด 5 ปี ทันที

บุกทลาย 2 ผับ / เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 1 มิ.ย. นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมด้วย นายอภิชาต จารุศิริ รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 1 และสำนักงาน ปปส. เข้าตรวจสอบจับกุมสถานบันเทิง 2 แห่ง ตั้งอยู่บริเวณถนนพัทยาใต้ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย ร้านบราซิล พัทยาผับ และร้าน 90 บาร์

จากการตรวจสอบพบว่าสถานบริการ ชื่อร้านบราซิล พัทยา ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยมีนักเที่ยว จำนวนกว่า 300 คน กำลังดื่มกินอยู่ภายในร้าน เจ้าหน้าที่สั่งให้ปิดเพลง และเปิดไฟแสงสว่าง โดยทันทีที่นักเที่ยวรู้ว่าเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อม ภายในผับเกิดการโกลาหลเล็กน้อย หลายคนพยายามจะหลบหนี มีบางส่วนวิ่งออกไปนอกผับ เจ้าหน้าที่ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ก่อนจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

โดยจากการกระจายกำลังตรวจค้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ตรวจค้นตัวนักเที่ยวรายหนึ่ง พบอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนจำนวน 16 นัด มีดพกสั้น จำนวน 1 เล่ม ยาเสพติด ยาอี ยาเค ยาไอซ์ จำนวน 62 ซอง พร้อมอุปกรณ์การเสพเป็นจำนวนมาก ซึ่งตกเกลื่อนอยู่ตามพื้น

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่นำตัวนักเที่ยวแยกชายหญิง เพื่อตรวจสารเสพติดในปัสสาวะ สำหรับผลการตรวจสอบพบว่านักเที่ยวที่มีปัสสาวะเป็นสีม่วง จำนวน 142 คน เป็นชาย 94 คน เป็นหญิง 48 คน รวมถึงนักเที่ยวไม่พกบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 58 ราย โดยพบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการจำนวน 4 คน อายุต่ำสุด 18 ปี

ตรวจสอบไม่พบใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการอีกด้วย เบื้องต้นจึงได้แจ้งข้อหาแก่ นายทักษิณ ภูษี อายุ 41 ปี แสดงตัวเป็นผู้จัดการร้าน บราซิล พัทยา ดังนี้ คือ 1.ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด 3.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี

ขณะที่ร้าน 90 บาร์ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดเดียวกัน พบนักเที่ยว มีปัสสาวะสีม่วง จำนวน 13 ราย เป็นชาย 9 คน หญิง 4 คน และมีเยาวชนเข้าไปใช้บริการ 1 คน และเตาบารากู่เป็นจำนวนมาก เบื้องต้น จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ผู้จัดการร้าน 90 บาร์ พัทยา ดังนี้ 1.ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.จำหน่ายสุราโดยไม่มีใบอนุญาต 3.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด 4.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีส่งเสริมการขาย (จัดโปรโมชั่น) 5.ขายหรือให้บริการบารากู่ หรือตัวยาบารากู่

นายรณรงค์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ร้องเรียน สถานบริการ ชื่อร้าน บราซิล พัทยา ตั้งอยู่ ซอยพัทยาใต้ 7 ถนนพัทยาใต้ และร้าน 90 บาร์พัทยา ตั้งอยู่บริเวณซอยบงกช พัทยาใต้ ฝ่าฝืนคำสั่ง หน.คสช. ที่ 22/2558 ด้วยการเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าไปใช้บริการ และมีการมั่วสุมเสพยาเสพติดภายในร้าน

กรมการปกครอง จึงได้ส่งพนักงานฝ่ายปกครอง (สายลับ) เข้าไปทำการสืบสวนและแสวงหาพยานหลักฐานด้วยการแฝงตัวไปใช้บริการร้านดังกล่าว ในเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว พบว่าสถานบันเทิงแห่งนี้ ไม่ได้เข้มงวดในการตรวจบัตรประจำตัวประชาชน ขณะที่ภายในร้าน พบลูกค้าบางส่วนมีพฤติกรรมและการแต่งตัว น่าเชื่อได้ว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้ามาใช้บริการ

และพบมีการมั่วสุมเสพยาเสพติดกันภายในร้าน จริงตามข้อร้องเรียน นอกจากนี้ ยังพบว่าสถานบันเทิงแห่งนี้ มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากในช่วงเวลา 03.00 – 04.30 น. ซึ่งผับแห่งนี้ ได้ปิดไฟหน้าร้านแกล้งทำเป็นว่าปิดร้านแล้ว แต่ด้านในร้านนักเที่ยวกำลังดื่มกินกันอย่างเมามันพร้อมโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะดนตรีที่ดีเจของร้านเปิดกระหึ่ม โดยสถานบันเทิงแห่งนี้เปิดให้บริการถึงรุ่งเช้าของทุกวัน

ทั้งนี้ ก่อนเข้าจับกุม พนักงานฝ่ายปกครอง (สายลับ) ได้แฝงตัวเป็นนักเที่ยวเข้าทำการสืบสวน เมื่อเวลาตี 3 ซึ่งเลยเวลาเปิดทำการตามกฎหมายของสถานบริการทุกประเภทไปแล้ว ก็พบว่าสถานบริการยังคงไม่มีทีท่าที่จะเช็คบิลปิดทำการแต่อย่างใดดีเจยังเปิดเพลงและนักเที่ยวกำลังเต้นกันอยู่อย่างสนุกสนานตามจังหวะของเสียงดนตรีที่เร้าใจ นอกจากนี้ยังพบว่าร้านยังคงจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปกติ แม้ว่าจะเลยเวลาเปิดทำการตามกฎหมายไปแล้วก็ตาม สายลับจึงให้สัญญาณแก่ชุดจับกุมเข้าดำเนินการตรวจสอบจับกุมดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สถานบริการ เป็นสถานที่ที่รัฐต้องควบคุม เพราะอาจดำเนินการไปในทางกระทบกระเทือนต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเป็นสถานที่ที่ไม่ควรให้เยาวชนเข้าไปใช้บริการหรือใช้เป็นที่มั่วสุม ก่อให้เกิดปัญหากับสังคม ทั้งนี้เพื่อมิให้สถานบริการเป็นแหล่งกระทำผิดกฎหมาย ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง เพราะหากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว จะส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวม

หลังจากนี้ทางกรมการปกครองจะกวดขันจับกุม ปราบปราม สถานบริการที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จากนี้นายอำเภอบางละมุง จะได้เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี มีคำสั่งปิดสถานบริการแห่งนี้ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 เป็นเวลา 5 ปี ต่อไป

มีรายงานว่า ขณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าจับกุมสถานบันเทิงทั้งสองแห่งนี้ปรากฏว่า กลุ่มวัยรุ่นนักเที่ยวส่วนหนึ่งไม่พอใจ ทำการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมกับพูดลักษณะต่อต้านและไม่พอใจในการจับกุมในครั้งนี้ ขณะที่ภายหลังเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ ทราบต่างพากันเดินมาขอร่วมการจับกุมในครั้งนี้อีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน