วันที่ 17 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.พงศธร ศรีเปลี่ยนจันทร์ ผกก.สภ.โคกขาม ได้รับแจ้งเหตุมีคนเสพยาเสพติดแล้วเกิดอาการคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนจับหญิงสาวเป็นตัวประกันกักขังไว้ภายในบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 8 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงรายงานให้ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาครทราบ ก่อนนำกำลังเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับ พ.ต.อ.จำลอง งามเนตร รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.วีระวิจิตรหงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกขาม เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนกองกำกับการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และตำรวจชุดจู่โจม

ที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ถูกปิดประตูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หน้าต่างก็ถูกปิดสนิท มีเพียงคนที่อยู่ด้านนอกคอยส่งเสียงร้องเรียกให้คนที่อยู่ในบ้านปล่อยหญิงสาวที่เป็นตัวประกันออกมา แต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งต่อมาทราบว่า ผู้ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้หญิงสาวเป็นตัวประกันแล้วกักขังไว้ภายในบ้าน คือ นายพีรดิษฐ์ อายุ 38 ปี เป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวและพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว มีอาชีพเป็นเจ้าของบ่อเลี้ยงกุ้ง ที่มีที่ดินอยู่ตรงหน้าบ้าน ส่วนหญิงสาวที่ถูกจับเป็นตัวประกันคือ นางสาวจันทนี อายุ 26 ปี อยู่ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งตลอดระยะเวลาที่นายพีรดิษฐ์ ได้จับนางสาวจันทนี กักขังไว้ในบ้านนั้น ก็ได้มีการทำร้ายร่างกายด้วยการตบตี ฟาดด้วยท่อนเหล็กเป็นระยะๆ พร้อมกับโทรศัพท์ออกมาพูดคุยกับนายบรรพต อายุ 33 ปี อยู่ หมู่ที่ 8 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เพื่อบอกให้ไปตามคนที่ชื่อบอล มาพูดคุยกันถึงหนี้สินที่นายบอลเอาจากนายพีรดิษฐ์ไป

ขณะที่ทางด้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ตรึงกำลังรอบบ้าน แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในได้ เนื่องจากคนร้ายได้ปิดล็อกประตูและหน้าต่างไว้หมดทุกบาน อีกทั้งยังมีการยิงปืนข่มขู่และปาประทัดออกมาเป็นระยะๆ ท่ามกลางความมืดสนิท เพื่อไม่ให้ใครเข้าไปใกล้ รวมถึงยังไม่ยอมเจรจากับใครทั้งสิ้น จะขอคุยแต่กับคนที่ชื่อบอลเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่สามารถจู่โจมเข้าไปได้เพราะเกรงว่าตัวประกันจะเป็นอันตราย

จากการสอบถามนายอภิชัย อายุ 39 ปี อยู่ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นสามีของนางสาวจันทนี หญิงสาวที่ตกเป็นตัวประกัน เล่าว่า ตนเองและภรรยาเป็นเพื่อนกับคนร้ายมานานนับสิบปีแล้ว โดยตนเองและภรรยานั้นได้หยุดงานรับเหมาก่อสร้างมาช่วยนายพีรดิษฐ์ ทำการเปิดบ่อเลี้ยงกุ้ง ทั้งวางท่อสูบน้ำ และนำน้ำเข้าวัง (บ่อเลี้ยงกุ้ง) ซึ่งเมื่อช่วงเย็นนี้ตนเองได้ลงไปวางท่อเพื่อจะสูบน้ำทางด้านท้ายของบ่อเลี้ยงกุ้ง ส่วนภรรยาและลูกชายอยู่ในบ้านของคนร้ายเพื่อช่วยเก็บทำความสะอาดภายในบ้านและทำกับข้าวให้กิน ซึ่งก็เป็นปกติทุกครั้งที่ครอบครัวมาเยี่ยมนายพีรดิษฐ์ ที่บ้าน แต่ปรากฏว่าในช่วงที่ตนกำลังวางท่อสูบน้ำอยู่นั้น ก็มีลูกพี่ลูกน้องของคนร้าย พาลูกชายไปส่งให้ตนแล้วบอกว่านายพีรดิษฐ์ จับตัวภรรยาตนกักขังไว้ในบ้าน โดยมีอาวุธปืนด้วย อีกทั้งยังข่มขู่ไม่ให้ใครเข้าไปใกล้ ซึ่งพอตนทราบก็รีบกลับมาที่บ้านของนายพีรดิษฐ์ แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยภรรยาได้ จึงได้แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ

ทั้งนี้ต่อมาก็มีการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์ที่นายพีรดิษฐ์จะโทรออกมาเป็นระยะๆ แต่ให้นางสาวจันทนี เป็นคนคุย เนื่องจากนายพีรดิษฐ์ มีความบกพร่องทางการได้ยิน (ภาวะหูดับ) ไม่สามารถติดต่อสื่อสารเองได้ ซึ่งเบื้องต้นนายพีรดิษฐ์ ได้เรียกร้องเงิน 60,000 บาท จากญาติคนหนึ่ง โดยอ้างว่าเป็นเงินที่ญาติคนนั้นจ้างให้ไปทำงานบางอย่างแต่ไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้ ซึ่งหากได้เงิน 60,000 บาทแล้ว ก็จะยอมปล่อยตัวประกัน ดังนั้นทางญาติๆ ที่อยู่ด้านนอก จึงนำเงินไปวางไว้ให้ที่หน้าบ้าน แต่เมื่อได้เงินแล้วนายพีรดิษฐ์กลับไม่ยอมปล่อยตัวประกัน ยังคงกักขังไว้ในบ้านอีกทั้งยังมีการทำร้ายร่างกายด้วย แล้วคนร้ายยังได้โทรศัพท์ออกมา บอกว่า ต้องการให้ใครก็ได้ไปพาตัวนายบอลมาพูดคุยกันเรื่องเงิน 130,000 บาท ที่นายบอลเอาไปแล้วไม่ยอมเอามาคืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ให้คนไปตามนายบอลมาเพื่อหวังจะให้พูดจาเกลี้ยกล่อมคนร้ายผ่านทางโทรศัพท์

แต่ปรากฎว่านายบอลได้ออกจากบ้านไปแล้ว ซึ่งก็ต้องใช้ความพยายามในการหลอกล่อว่านายบอลกำลังมาแต่คนร้ายก็ไม่เชื่อ และข่มขู่ว่าหากนายบอลไม่มา ก็จะทำร้ายตัวประกัน และเมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ตัวประกันก็เริ่มอ่อนแรง แต่ก็ยังคงติดต่อออกมาพูดคุยกับคนภายนอกได้ ตามคำสั่งของคนร้าย แม้จะมีคนที่สนิทกับคนร้ายพยายามเข้าไปเกลี้ยกล่อมที่หน้าประตูบ้าน แต่ก็ถูกส่งเสียงตะโกนด่าไล่และบางครั้งก็มีการจุดประทัด บางครั้งก็ยิงปืนออกมาข่มขู่ด้วย

โดยในที่สุดเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้วิธีการตรึงกำลังโดยรอบไว้ก่อน เพราะยังไม่สามารถจู่โจมเข้าไปได้ เนื่องจากนายพีรดิษฐ์ ปิดประตูหน้าต่างทุกบานและยังปิดไฟในบ้านมืดสนิทอีกด้วย ส่วนสาเหตุที่นายพีรดิษฐ์ เกิดอาการคลุ้มคลั่งจนใช้อาวุธปืนจี้นางสาวจันทนีย์ เป็นตัวประกัน ทั้งๆ ที่เป็นภรรยาของเพื่อนสนิทนั้น ก็เนื่องจากว่า นายพีรดิษฐ์ มีอาการทางประสาทอันเกิดจากการถูกทำร้ายร่างกายในช่วงวัยรุ่นแล้วก็ขาดการรักษาไปนานหลายปี เพราะต้องโทษจำคุกหลายคดีทั้งเสพยาเสพติด โทรมหญิง และครอบครองจำหน่ายยาเสพติด เพิ่งจะพ้นโทษมาได้เกือบ 1 ปี โดยในช่วงที่อยู่ในเรือนจำนั้นก็ขาดการรักษาไป ทำให้เป็นโรคหูดับและมีการอาการทางประสาทร่วมด้วย อีกทั้ง 5 วันที่ผ่านมา นายพีรดิษฐ์ ก็ดื่มสุราอย่างต่อเนื่อง และมีการเสพยาบ้าร่วมด้วย จึงเกิดอาการประสาทหลอนว่า นางสาวจันทนีย์ และ นายอภิชัย สองสามีภรรยาที่เป็นเพื่อนกันมากว่า 10 ปีนั้น เป็นสายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร บอกว่า ที่ไม่สามารถให้ชุดจู่โจมเข้าชาร์จคนร้ายเพื่อช่วยตัวประกันในตอนกลางคืนได้นั้น เพราะคนร้ายมีทั้งอาวุธปืนและมีด อีกทั้งยังค่อนข้างที่จะระแวงตลอดเวลา ไม่ยอมอยู่ห่างจากตัวประกันเลย แม้จะเอาอะไรไปให้กินก็ไม่ยอมออกมา ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพราะอาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งกับตัวประกันและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีการตรึงกำลังรอบนอกและรอจนกว่าจะมีแสงอาทิตย์ทำให้มองเห็นรอบด้าน จึงจะสั่งปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันได้ ซึ่งก็จะทำให้เกิดความปลอดภัยทั้งแก่ตัวประกัน ตำรวจ รวมถึงตัวผู้ต้องหาด้วย

จนเมื่อรุ่งเช้าเวลา 07.00 น. วันที่ 17 มี.ค. ปรากฏว่า นายพีรดิษฐ์ คนร้าย ได้ยอมปล่อยตัวนางสาวจันทนีย์ ตัวประกัน ให้ออกมาจากบ้านเองโดยไม่ต้องมีใครเข้าไปช่วย ซึ่งสภาพของตัวประกันนั้นได้เดินออกมาอย่างค่อนข้างอ่อนแรง มีรอยฟกช้ำเกือบทั่วร่างกาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบเข้าไปนำตัวขึ้นรถนำส่งโรงพยาบาลสมุทรสาครทันที ส่วนตัวผู้ต้องหาเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายบรรพต ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องคนสนิทเข้าไปเจรจา โดยนายพีรดิษฐ์ ก็ยอมแต่โดยดี อีกทั้งยังบอกให้นายบรรพตเข้าไปเก็บอาวุธปืนที่อยู่ในห้อง หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าควบคุมตัวไว้ พร้อมกับเก็บอาวุธปืนไว้ได้ทั้งหมด 2 กระบอก กับเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนมาก โดยได้นำตัวคนร้ายส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกขาม เพื่อดำเนินคดีในข้อหา หน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย และมีอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนสาเหตุเบื้องต้นก็คาดว่ามาจากความเครียดปัญหาเรื่องเงินที่เพื่อนชื่อบอลยืมเงินไป 130,000 บาท แล้วไม่ยอมคืน เพราะนายพีรดิษฐ์ ต้องการนำไปใช้ในการซ่อมรถแบ็กโฮ เพื่อใช้ในการตักดินทำคันบ่อเลี้ยงกุ้ง ประกอบกับอาการทางโรคประสาทกำเริบ และเมาสุรากับเสพยาบ้าด้วยจึงได้ก่อเหตุดังกล่าว

ด้านนายบรรพต ลูกพี่ลูกน้องกับนายพีรดิษฐ์ และเป็นผู้ที่เข้าไปเจรจานั้น เล่าว่า หลังจากที่นายพีรดิษฐ์ ยอมปล่อยตัวประกันออกมาแล้ว ตนเองก็ได้เข้าไปพูดคุยกับนายพีรดิษฐ์ ซึ่งขณะนั้นคนร้ายกำลังกวาดบ้านอยู่ และบอกว่าง่วงนอน อยากจะนอน ส่วนอาวุธปืนอยู่บนที่นอนในห้อง ถ้าอยากได้ก็ให้เข้าไปเอา ซึ่งตนรู้ว่านายพีรดิษฐ์ จะไม่ทำร้ายตนอย่างแน่นอน จึงเดินเข้าไปหยิบอาวุธปืนไว้ก่อน จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวนายพีรดิษฐ์ไว้ได้ โดยไม่มีใครเป็นอันตรายแต่อย่างใดทั้งสิ้น ส่วนนิสัยของนายพีรดิษฐ์นั้น ถ้าเวลาปกติจะขยันทำงานในบ่อเลี้ยงกุ้ง ไม่มีการทะเลาะวิวาทกับใคร แต่ถ้าเมาสุราหรือเสพยาเสพติดเมื่อไหร่ ก็จะมีอารมณ์รุนแรง จึงไม่มีใครเข้าใกล้เวลาที่นายพีรดิษฐ์ เมาสุราหรือเสพยาเสพติด แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยทำร้ายญาติพี่น้องคนไหนมาก่อน

ขณะนายพีรดิษฐ์ ไม่ยอมพูดจาใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่ส่งเสียงบอกให้ลูกพี่ลูกน้องเก็บเงินไว้ให้ดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน