“ประยุทธ์” เปิดประชุมสุดยอดอาเซียน ปลุกดีเอ็นเออาเซียน-จับมือสร้างภูมิภาคเข้มแข็ง

นายกฯ กล่าวสุนทรพจน์ เปิดประชุมสุดยอดอาเซียน ปลุกดีเอ็นเอชาวอาเซียน จับมือสร้างความเข้มแข็งในภูมิภาค ประกาศสานต่อเจตนารมณ์ผู้ก่อตั้งอาเซียนเมื่อกว่า 5 ทศวรรษ สร้างภูมิภาคแห่งสันติสุขและความก้าวหน้าให้ประชาชนอาเซียนทุกคน

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ที่โรงแรม ดิ เเอทธินี โฮเทล ถนนวิทยุ บริเวณโดยรอบสถานที่จัดประชุม มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลความปลอดภัยเข้มงวด ปิดถนนด้านหน้าโรงแรมเพื่อความปลอดภัย อนุญาตให้เฉพาะรถยนต์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการประชุมเข้า-ออกเท่านั้น ส่วนสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จัดให้อยู่ภายในโรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ และตรวจเข้มการเข้า-ออกของสื่อมวลชนที่ลงทะเบียนร่วมงานเช่นเดิม จัดรถรับ-ส่งไปยังสถานที่ประชุมเป็นรอบๆ เพื่อจัดระเบียบให้เกิดความเรียบร้อย

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องคริสตัล 1-2 ฮอลล์ ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินี ถนนวิทยุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 และกล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดตอนหนึ่ง ว่า เนื้อร้องจากเพลงดิอาเซียนเวย์ (The ASEAN Way) ท่อนที่ว่า We dare to dream , we care to share คือ เรากล้าฝัน เรายินดีแบ่งปัน สะท้อนถึงเส้นทางตลอด 5 ทศวรรษของอาเซียนได้ดีที่สุด

เพราะเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 52 ปีที่แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศ 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงนามในปฏิญญากรุงเทพฯ ที่พระราชวังสราญรมย์ ถือเป็นจุดกำเนิดอาเซียน น้อยคนที่จะคาดคิดว่า ด้วยความกล้าที่จะฝันในวันนั้น อาเซียนพัฒนาจากสมาคมเล็กๆ ของ ๕ ชาติสู่ประชาคมที่เหนียวแน่นของ 10 ประเทศ และด้วยความกล้าที่จะฝันจากรุ่นสู่รุ่น เราเติบโตเป็นประชาคมที่เป็นปึกแผ่น มีสันติภาพและมั่นคง มีกฎกติกา เป็นเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 6 ของโลก มีความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกสาขาเพื่อประโยชน์ของประชาชนอาเซียนทุกคน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราร่วมทุกข์ ร่วมสุข ฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันมาตลอด ตั้งแต่ยุคสงครามเย็นจนถึงปัจจุบัน ในวันที่เราประสบวิกฤตทางการเงินและเศรษฐกิจในเอเชีย อาเซียนคือพลังสำคัญที่จับมือกับมิตรประเทศ ฟันฝ่าอุปสรรคและสามารถฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว ในวันที่เราพบเจอกับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ ไม่ว่าจแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ หรือพายุไซโคลน พวกเราชาวอาเซียนก็ไม่เคยทอดทิ้งกัน หากแต่ยื่นมือช่วยเหลือกัน ด้วยจิตสำนึกของการเป็นประชาคมเดียวกัน วันนี้ ภูมิภาคของเรายังสงบสุข ปราศจากสงครามและการสู้รบ เพราะอาเซียนย้ำเตือนให้พวกเราเคารพในความแตกต่าง หลากหลาย และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

“วันนี้ พวกเราผู้นำอาเซียนจะร่วมกันประกาศการเปิดตัวคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน ภายใต้โครงการจัดตั้งระบบโลจิสติกส์ฉุกเฉินสำหรับใช้ในกรณีเกิดภัยพิบัติของอาเซียน (DELSA) และการยกระดับศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนเป็นองค์กรของอาเซียนในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพของอาเซียนในการบริหารจัดการผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันที่การแข่งขันการค้าและการเมืองระหว่างประเทศเข้มข้นขึ้น ปัญหาก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติเพิ่มสูงขึ้น เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดเปลี่ยนแปลงชีวิตมากขึ้น ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำลายระบบนิเวศให้เสื่อมโทรม หากไม่มีอาเซียน เราจะรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อย่างไร แต่ละประเทศโดยลำพังจะสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายทุกอย่างได้มากน้อยเพียงใด

จึงเชื่อมั่นว่าพลังของอาเซียนที่เข้มแข็ง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คือคำตอบที่จะช่วยให้พวกเราก้าวผ่านทุกความท้าทาย สามารถวางรากฐานที่มั่นคงให้อนุชนรุ่นหลังได้ และสิ่งนี้เป็นเหตุผลที่ไทยประกาศแนวคิดหลัก ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน ด้วยความฝันให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ต่อยอดจากสิ่งดีๆ ที่อาเซียนสร้างกันมาในอดีต มองไปสู่อนาคตเพื่อความสุขของชนรุ่นหลังที่จะเห็นภูมิภาคที่มีสันติภาพ เสถียรภาพ และความรุ่งเรืองต่อไปอย่างยั่งยืน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประการแรก เราฝันที่จะเห็นอาเซียนก้าวไกล มองและก้าวไปสู่อนาคตด้วยกันอย่างไม่หยุดนิ่ง ใช้ประโยชน์จากยุค 4.0 สร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างภูมิคุ้มกันจากเทคโนโลยีก้าวกระโดด เพื่อมุ่งไปสู่ดิจิทัลอาเซียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ประการที่สอง เราฝันที่จะเห็นอาเซียนร่วมมือ ร่วมใจ ด้วยการร่วมมือใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งในอาเซียนกันเองและกับภาคีนอกภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้อาเซียนเป็นแกนกลางของภูมิภาค และเพิ่มบทบาทอาเซียนในการแก้ไขปัญหาระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมไปถึงส่งเสริมความเชื่อมโยงในทุกมิติ เพื่อก้าวไปสู่อาเซียนที่ไร้รอยต่อ เชื่อมโยงกับประชาคมโลกโดยผ่านยุทธศาสตร์เชื่อมความเชื่อมโยงของทุกฝ่าย

ประการสุดท้าย เราฝันที่จะเห็นอาเซียนมีความยั่งยืนในทุกมิติ ตั้งแต่ด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งนับจากนี้ความยั่งยืนในทุกมิติ หรือเอสโอที คือแนวทางใหม่ที่อาเซียนต้องคำนึงถึงในทุกการตัดสินใจ และจะอยู่ในดีเอ็นเอของอาเซียนที่ถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นหน้า เนื่องจากประชาคมอาเซียนที่ยั่งยืนจะสร้างมูลค่าเพิ่มทางยุทธศาสตร์ให้อาเซียนในระยะยาว เพื่อเป็นเกราะให้กับประชาชนของเราต่อความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคและโลก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ ไทยจะสานต่อข้อริเริ่มของประธานอาเซียนในปีที่ผ่านๆ มา ขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพื่อบรรลุความฝันที่วางไว้ และให้ประชาชนของอาเซียนทั้งรุ่นนี้และรุ่นหน้าสามารถรับมือกับความท้าทาย และได้ประโยชน์จากอาเซียนใน 3 มิติสำคัญ คือ มั่นคงขึ้น มั่งคั่งขึ้น และยั่งยืนขึ้น

โดยเรื่องของมั่นคง เราจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วได้ดีขึ้น เช่น มิติความมั่นคงทางไซเบอร์ พวกเราจะได้รับประโยชน์จากการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ไทย ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถของภูมิภาคให้รับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ในมิติอาชญากรรมข้ามชาติที่มีอัตราสูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน อาเซียนจะส่งเสริมการบริหารจัดการชายแดน เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากอาชญากรรมข้ามชาติ และอำนวยความสะดวกให้การค้า การลงทุน และการเดินทางสัญจรข้ามพรมแดนของพวกเรามีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

และท้ายที่สุดคือ การมีภูมิคุ้มกันที่จะรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น พวกเราจะได้รับความมั่นใจได้ว่า ในกรณีที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ คลังเก็บสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในอาเซียนที่จังหวัดชัยนาท จะพร้อมสนับสนุนสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกที่และทุกเมื่อได้อย่างทันท่วงที

“วันนี้ ถึงเวลาของคนรุ่นนี้ที่จะร่วมขับเคลื่อนความฝันสู่การลงมือทำ เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งอาเซียนเมื่อกว่า 5 ทศวรรษที่แล้ว ที่จะสร้างภูมิภาคแห่งสันติสุข และความก้าวหน้าให้กับประชาชนอาเซียนทุกคน และวางรากฐานที่มั่นคงแข็งแรงให้คนรุ่นหน้าในอีกครึ่งศตวรรษหลังจากนี้ ประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางจะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทุกประเทศสมาชิก

ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และที่สำคัญที่สุด เจ้าของประชาคมอาเซียน คือ ประชาชนทุกคน ผมจึงขอใช้โอกาสนี้ เชิญชวนชาวอาเซียนทุกท่าน ปลุกดีเอ็นเอความเป็นอาเซียนในตัว และร่วมแรงร่วมใจ จับมือกันให้เข้มแข็งและก้าวไปข้างหน้า เพื่อวางรากฐานให้ประชาคมอาเซียนมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมองไปสู่อนาคต โดยคำนึงถึงความยั่งยืนในทุกมิติโดยแท้จริง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นผู้นำทั้ง 10 ประเทศอาเซียน ร่วมกันเปิดโครงการนำสิ่งของช่วยเหลือและระบบโลจิสติกส์ เพื่อช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติฉุกเฉินของอาเซียน (DELSA) ภายใต้การกำกับของศูนย์ประสานงานอาเซียนในความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน