เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 22 มี.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงกรณีมีหลายองค์กรมีความห่วงใยต่อกรณีเหตุการณ์ที่ เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธป้องกันตัวเป็นเหตุให้ผู้กระทำผิดพ.ร.บ.ยาเสพติด ที่ถูกวิสามัญ คือนายชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวชาติพันธุ์ชาวลาหู่เสียชีวิต ที่อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ อยากให้มีการดำเนินการที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ทางกองทัพบกโดย พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิ์สาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จึงสั่งการให้กองทัพภาคที่ 3 ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ต่อเรื่องนี้เป็นการเฉพาะคู่ขนานเพิ่มเติม โดยมี พล.ต.สมพงษ์ แจ้งจำรัส รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ และวันนี้คงจะเดินทางไปกองกำลังผาเมือง เพื่อดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์

ถึงแม้ว่าเรื่องดังกล่าวมีการดำเนินการไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินคดีกล่าวหาว่าคนร้ายมียาเสพติด มีการต่อสู้และพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน กับคดีที่ทางตำรวจต้องกล่าวหาตัวเจ้าหน้าที่ว่าได้ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต สุดท้ายก็เป็นคดีคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพ เพราะเหตุแห่งการเสียชีวิตมาจากเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทางญาติเองถ้าติดใจ สามารถตั้งทนายร่วมซักค้านได้ หรือดำเนินการอื่นใดตามช่องทางด้านกฎหมายที่เปิดช่องไว้ให้ เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดและเกิดความสบายใจต่อทุกฝ่าย

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า จากการที่ได้ติดตามข่าวสารจากการเสนอของสื่อบางสำนักข่าว มีข้อมูลอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือการกล่าวถึง ด้วยสถานะส่วนตัวของนายชัยภูมิที่เป็นนักกิจกรรม จึงคาดเดากึ่งฟันธงไปว่านักกิจกรรมไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวเรื่องยาเสพติดได้ กับในบางความเห็นก็แย้งมาในทำนองว่า จากประวัติเรื่องของยาเสพติดที่ผ่านมา ทำให้เชื่อได้ว่าอาจจะไม่เข้าใครออกใคร ไม่ว่าจะเป็นบุคคลกลุ่มไหน อาชีพไหน สถานะไหน

จากประวัติในอดีตที่เห็นกันเคยมีทั้งข้าราชการผู้ประพฤติดี ศิลปิน นักแสดง นักเรียนนักศึกษา ผู้ครองสมณะเพศ หรือแม้แต่ตัวเจ้าหน้าที่เองก็ตาม อย่างไรก็ตาม ทบ.ยินดีสนับสนุนเพื่อพยายามคลี่คลายข้อสงสัยให้สังคม ภายใต้กลไกที่มีอยู่ให้ได้อย่างดีที่สุด โดยจะเน้นอาศัยข้อเท็จจริงในแบบที่จับต้องได้ หลีกเลี่ยงการใช้ความรู้สึกการคาดเดา เพื่อให้ข้อสงสัยในส่วนนี้กระจ่างมากขึ้น

สำหรับในส่วนที่ 2 เป็นเรื่องตัวบุคคล จนท.ผู้ปฏิบัติ ได้ใช้ดุลพินิจในช่วงวินาทีวิกฤต เป็นการตัดสินใจเฉพาะตัว ส่วนการป้องกันตัวจะสมเหตุสมผลหรือไม่ จำนวนกระสุน 1 นัดที่ใช้ไปนั้นจะ เพื่อหยุดหรือเพื่อทำร้าย ซึ่งจนท.เองก็ไม่ทราบมาก่อนว่านายลาหู่ เป็นนักกิจกรรม ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิสูจน์ตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดแล้วทุกประการ

โฆษก ทบ. กล่าวว่า ข้อสังเกตสำคัญสำหรับภาพรวมเหตุการณ์ใบเบื้องต้นพบมีผู้กระทำความผิด 2 คน แต่เกิดเหตุอันน่าเสียใจกับนายชัยภูมิเพียงคนเดียว ซึ่งอาจบ่งบอกถึงพฤติกรรมของทั้งสองคนนั้นย่อมไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะลักษณะของด่านตรวจค้นเป็นแบบด่านถาวรและเป้าประสงค์พื้นฐานของเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ จะเน้นเพียงเพื่อการตรวจค้น ไม่ใช่ชุดกำลังเฉพาะกิจที่เตรียมไว้รองรับการปะทะ เหมือนเป้าหมายอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้กำลังบังคับ การใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้เชื่อว่าไม่ได้อยู่ในแผนจริงๆ

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ต้องหาอีกหนึ่งคนคือนายพงศ์นัย แสงตะล้า ที่ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น จากข้อมูลที่ได้รับเจ้าหน้าที่จะให้การดูแลเป็นอย่างดี เนื่องจากได้รับความร่วมมือในด้านข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับรูปคดีอย่างมาก และเจ้าหน้าที่เองยินดีและพร้อมสนับสนุนในการไปต่อสู้แก้ต่างได้ตามวิถีทางของกระบวนการยุติธรรม และพร้อมจะให้ความเป็นธรรมอย่างดีที่สุด ซึ่งเชื่อว่าคงไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด

พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ยืนยันว่าทางกองทัพบก ยินดีน้อมรับข้อสงสัยที่อาจเกิดขึ้นได้ของสังคม พร้อมให้ความกระจ่างในทุกกรณีบนพื้นฐานข้อเท็จจริง อันสุจริต อย่างตรงไปตรงมา ตามนโยบายของ ผู้บังคับบัญชาที่ให้ความสำคัญต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนทุกเรื่อง ขอให้สังคมอย่าได้ตัดสินเพียงเพราะได้รับทราบข้อมูลที่ส่งต่อกันมาเท่านั้น ขอให้ใช้สติและวิจารณญาณอย่างรอบคอบถึงที่มาของเหตุการณ์ในครั้งนี้ ที่สำคัญขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกส่วน ว่าจะดำเนินการทุกอย่างด้วยความถูกต้อง ยุติธรรมกับทุกฝ่ายภายใต้กรอบของกฎหมายทีมี

“ขอให้สังคมได้พิจารณาและใช้เหตุผลในทุกมิติ ทั้งการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นยาเสพติด พฤติกรรมของผู้ต้องหา สภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองทัพบกเข้าใจความรู้สึกของทุกฝ่าย ทั้งความเสียใจของญาติครอบครัว ที่มีความเชื่อไปอีกแบบ ส่วนเจ้าหน้าที่เองก็คงรู้สึกกดดัน และไม่สบายใจเช่นกันที่ได้พยายามปฏิบัติหน้าที่ตามสภาพเหตุการณ์อย่างดีที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในคดีนี้อยากขอให้ทุกฝ่ายให้เวลากับการพิสูจน์และตรวจสอบข้อเท็จจริงที่กำลังดำเนินการโดยกระบวนการยุติธรรมอยู่ในขณะนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด” โฆษกกองทัพบก กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน