ศาลอุทธรณ์ สั่งประหารธวัฒชัย แก๊ง บังฟัต คดีฆ่ายกครัว 8 ศพ

จากกรณีที่ นายซูริก์ฟัต หรือ บังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี พร้อมพวก 8 คน สังหารโหด นายวรยุทธ หรือ ผู้ใหญ่บัต สังหลัง อายุ 46 ปี อดีต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมครอบครัวเสียชีวิตรวม 8 ศพ ที่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1 ต.บ้านกลาง สร้างความสะเทือนขวัญแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 10 ก.ค. 2560

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายซูริก์ฟัตพร้อมพวก 8 คน ประกอบด้วย 1.นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์กุล หรือ บังฟัต อายุ 41 ปี 2.นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน) อายุ 36 ปี 3.นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี. 4.นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี 5.นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี 6.นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี ส่วนจำเลยที่ 7.นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี พิพากษาจำคุก 1 ปี 9 เดือน และ จำเลยที่ 8 น.ส.ชลิดา สังข์โชติ อายุ 41 ปี ภรรยานายชูริก์ฟัต ถูกตัดสินจำคุก 12 เดือน ฝ่ายจำเลยทั้ง 8 คน ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.61

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

กระทั่งวันที่ 4 มิ.ย. 2562 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีนัดหมายให้ทนาย และจำเลยทั้ง 8 คน นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ที่ศาลจังหวัดกระบี่ หลังจากที่ทนายความของนายซูริก์ฟัตได้ยื่นอุทธรณ์ ก่อนที่ศาลจะพิจารณาเลื่อนอ่านคำพิพากษาเป็นวันที่ 9 ก.ค.นี้ เนื่องจากจำเลยที่ 7 คือ นายธวัฒชัย ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

สำหรับความคืบหน้า วันที่ 9 ก.ค. ศาลจังหวัดกระบี่ อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 โดยญาติผู้เสียชีวิต 8 ศพ นำโดยนายจรีย์ บุตรเติบ อายุ 60 ปี พ่อตาของผู้ใหญ่บัติ พร้อมด้วยน.ส.อัญชลี บุตรเติบ อายุ 33 ปี บุตรสาวผู้รอดชีวิต เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย ส่วนจำเลยที่ 7 คือนายธวัฒชัย บุญคง พร้อมด้วยน.ส.ชลิดา สังข์โชติ จำเลยที่ 8 เดินทางมาศาลเช่นกัน

โดยศาลอ่านคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 7 ให้การยอมรับในชั้นสอบสวนตามบันทึกคำให้การว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยได้พกอาวุธปืนช่วยคุมเชิงอยู่นอกบ้าน และคุมตัวผู้ตายที่ 1 ไว้ในรถก่อนที่ผู้ตายที่ 1 จะถูกนำตัวไปยิงในบ้าน บ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยที่ 7 มีเจตนาร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ต้น

จึงพิพากษาให้จำเลยที่ 7 คือนายธวัฒชัย บุญคง มีความผิดตามข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 5 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษสูงสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ให้ลงโทษประหารชีวิต และให้จำเลยที่ 7 ร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมกับจำเลยที่ 1-6 ให้แก่ผู้ร้องที่ 1 และ 2 เป็นเงิน 630,000 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 3 จำนวน 1,445,000 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 4 จำนวน 962,500 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 5 จำนวน 2,402,500 บาท ชดใช้ให้ผู้ร้องที่ 6 จำนวน 420,000 บาท ให้ชดใช้ผู้ร้องที่ 7 จำนวน 720,000 บาท ให้ชดใช้ผู้ร้องที่ 8 จำนวน 960,000 บาท

ส่วนจำเลยที่ 8 ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคำอุทธรณ์ ในข้อหารับของโจรโดยเหตุฉกรรจ์ ซึ่งศาลพิเคราะห์ว่า จำเลยไม่ได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง

ด้านนายจรีย์ บุตรเติม และน.ส.อัญชลี บุตรเติบ ญาติผู้เสียชีวิต กล่าวว่า พอใจในคำพิพากษาของศาล แต่ยังไม่พอใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากจำเลยที่ 8 ไม่ได้รับโทษเพิ่ม ซึ่งหลังจากนี้จะได้ปรึกษากับอัยการอีกครั้ง เพื่อที่จะดำเนินการยื่นฎีกาหรือไม่

ขณะที่นายเกรียงศักดิ์ สารภี ทนายจำเลยที่ 8 กล่าวว่า หลังฟังคำพิพากษาในวันนี้ ในส่วนของจำเลยที่ 1 -6 ศาลไม่ได้อ่านคำพิพากษา เนื่องจากจำเลยที่ 1-6 ซึ่งต้องโทษประหารชีวิตถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำ จ.นครศรีธรรมราช ไม่สามารถมาฟังคำพิพากษาได้ ซึ่งศาลจังหวัดกระบี่จะส่งคำพิพากษาไปยังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่ออ่านให้จำเลยที่ 1-6 ได้ฟังต่อไป โดยศาลจะนัดวันอ่านคำพิพากษาอีกครั้งในเร็วๆนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน