เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังผาเมืองวิสามัญ นายชัยภูมิ ป่าแส อายุ 21 ปี นักเรียนชั้นม.5 โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม จ.เชียงใหม่ นักกิจกรรมชาติพันธุ์ล่าหู่ ประธานเครือข่ายเยาวชนต้นกล้า ฐานครอบครองยาเสพติดในส่วนที่สังคมโซเชียลมีเดียเรียกร้องให้มีการเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุให้สาธารณชนรับรู้ นั้นเรื่องนี้อยู่ในส่วนของพนักงานสอบสวนอยู่แล้ว พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ ดูแลอยู่ ซึ่งจะนำหลักฐานตรงนี้ไปรวบรวมกับพยานหลักฐานอื่นๆ

อ่านข่าว วงจรปิด” วิ”ลาหู่ มทภ.3 ส่งตร.แล้ว แต่ไม่เปิดโชว์! สภาชนเผ่าบี้ซ้ำ แจงปมบัญชีเงิน

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ซึ่งตนกำชับให้ทำคดีตรงไปตรงมา เรื่องนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ไม่หนักใจที่มีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งเป็นคดียาเสพติดทั่วไป เจ้าหน้าที่ไม่ยิงเขา เขาก็ยิงเจ้าหน้าที่ อันนี้พูดตามหลักกว้าง ไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้ เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้มาตัวเปล่าอยู่แล้ว ภาพรวมมันเป็นแบบนี้ กรณีนี้ผบช.ภ.5 รายงานมาว่านายชัยภูมิ มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษตร. กล่าวว่า กรณีที่สังคมเรียกร้องให้ทางตำรวจเปิดภาพวงจรที่ที่เกิดเหตุนั้น ตามหลักการพนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหลายทั้งปวงเพื่อพิสูจน์ว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพยานในรูปแบบใดรูปแบบของบุคคลพยานเอกสารพยานหลักฐานอื่นๆ อะไรที่สามารถพิสูจน์ว่าเป็นการกระทำความผิดตำรวจก็ต้องดำเนินการ ซึ่งการเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดหรืออะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในสำนวน อะไรก็ตามที่เปิดเผยแล้วกระทบรูปคดีก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ ทุกอย่างมีหลักการและแบบแผน นอกจากบุคคลที่เกี่ยวข้องขอให้เปิดเผย แต่อย่างไรก็แล้วแต่สำนวนการสอบสวน ก็เป็นเรื่องของสำนวนไม่ใช่ว่าจะมาตรวจสอบกันได้ๆ อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรมา เพราะการสืบสวนสอบสวนเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนไม่มีการก้าวก่ายอยู่แล้ว

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของตำรวจรับผิดชอบการทำคดี 3 ส่วน คือ 1.เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายยาเสพติด 2.คดีเกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพ เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติ และคดีที่ 3.เป็นเรื่องของทหารที่วิสามัญโดยอ้างว่ากระทำไปตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งการดำเนินคดีทั้ง3ส่วนจะดำเนินการไปตามกฎกรอบของกฎหมายที่กำหนดไว้ จึงมีกรอบระยะเวลาอยู่แล้วส่วนพนักงานสอบสวนจะสั่งฟ้องหรือไม่อย่างไรอยู่ที่การพิจารณาพยานหลักฐาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน