แม่ทัพภาคที่ 3 ยันส่งภาพวงจรปิดให้ตร.ใช้เป็นหลักฐานชั้นศาลแล้ว ต้องให้ศาลอนุญาตเผยแพร่ได้หรือไม่ ชี้คนตายจะปาระเบิดใส่ ทหารจึงใช้ปืนป้องกันตัว ไม่มีใครเสียเปรียบ-ถือว่าเสมอตัว ส่วนรองโฆษกตร.เผยเร่ง ตรวจสอบเส้นทางเงิน 3 นักค้ายา โอนเงินเข้าบัญชี รวมถึงเช็กเงินทำธุรกิจกาแฟด้วย ด้าน “บิ๊กป้อม”แจงแม่ทัพภาคที่ 3 อาจผ่านศึกสงครามมาเยอะ ปัดกองทัพเข้าไปแทรกแซง ยื่นแล้วผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบแม่ทัพภาคที่ 3 ปมพูดกดออโต้-คดียิงเด็กลาหู่ ระบุเข้าข่ายชี้นำ-ขัดจริยธรรมหรือไม่ สภาชนเผ่าพื้นเมืองบี้ซ้ำ เปิดวงจรปิด-บัญชีเงินโชว์เพื่อคืนความยุติธรรมให้คนตาย

เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีการเรียกร้องให้เปิดกล้องวงจรปิดดูภาพการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ขณะตรวจค้นยาเสพติดและยิงนายชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวชาติพันธุ์ชาว ลาหู่จนเสียชีวิต ที่อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ว่ากองทัพภาคที่ 3 จะเป็นผู้ดำเนินการ แต่ทุกอย่างก็เดินไปตามกฎหมาย โดยชุดตรวจสอบ มี 4 ฝ่าย ทั้งตำรวจ แพทย์ อัยการ และฝ่ายปกครอง ก็ดำเนินการไป ซึ่งในส่วนของทหารไม่ได้ทําเพียงฝ่ายเดียว

พล.อ.ประวิตรกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมี การวิพากษ์วิจารณ์คำพูดของพล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า “ถ้าเป็นผมจะกดออโต้” นั้น สำหรับพล.ท.วิจักขฐ์ ก็ผ่านศึกสงครามมาเยอะ ตนก็ไม่ทราบ ต่างคนต่างคิด ส่วนที่จะยื่นหนังสือต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ตรวจสอบแม่ทัพภาคที่ 3 นั้นก็ทำไป

เมื่อถามว่ากองทัพจะไม่เข้าไปแทรกแซงใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่ามีหลายหน่วยงานที่เข้าไปตรวจสอบ ไม่ใช่เฉพาะทหารเท่านั้น ซึ่งยืนยันได้ว่าจะไม่แทรกแซง ต่างฝ่ายต่างมีองค์กรของตัวเอง ทั้งอัยการ ตำรวจ และทหาร

ด้านพล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ กล่าวว่า ภาพจากวงจรปิดทางกองทัพส่งมอบให้ตำรวจ เพื่อใช้เป็นพยานในชั้นศาลเรียบร้อยแล้ว จึงไม่สามารถเผยแพร่ได้ ซึ่งต้องให้ศาลเป็น ผู้อนุญาตว่าจะเผยแพร่ได้หรือไม่ เพราะต้องใช้ต่อสู้ชั้นศาล อีกทั้งขณะนี้ตำรวจเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

“ยืนยันกองทัพไม่เคยปิดบัง แต่ต้องขึ้นกับตำรวจและศาลว่าจะอนุญาตให้เผยแพร่หรือไม่ ส่วนที่กลุ่มเอ็นจีโอระบุว่าด่วนสรุปผลการตรวจสอบการวิสามัญนายชัยภูมิเร็วเกินไปนั้น นายชัยภูมิใช้ระเบิดปาใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีสิทธิป้องกันตัว หากใครเจอภาวะแบบนั้นก็ต้องตัดสินใจที่จะยิงต่อสู้ป้องกันตัว เพราะหากมองกลับกันนายชัยภูมิก็ใช้วิธีการขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันตัวเช่นกัน ทหารจึงต้องใช้อาวุธปืนป้องกันตัว ซึ่งไม่มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบในเหตุการณ์ลักษณะนี้ เพราะถือว่าเสมอตัว” พล.ท.วิจักขฐ์กล่าว

พล.ท.วิจักขฐ์กล่าวอีกว่า ทหารนายดังกล่าวได้ปฏิบัติตามกฎปะทะที่กำชับมาโดยตลอดว่า 1.หากไม่จำเป็นเจ้าหน้าที่จะไม่ใช้อาวุธ 2.จะใช้อาวุธเมื่อจำเป็นและเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น 3.จะใช้อาวุธต้องมีเป้าหมายที่เจาะจงและชัดเจน โดยไม่ใช้พร่ำเพรื่อ ซึ่ง เป็นกฎเหล็กที่ได้ให้ไว้ ยืนยันพลทหารนาย ดังกล่าวปฏิบัติตามกฎการปะทะและต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วในภาวะวิกฤต ที่สำคัญ พลทหารนายดังกล่าวไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกับนายชัยภูมิมาก่อน จึงไม่มีเหตุหรือแรงจูงใจในการทำร้าย โดยตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดนายชัยภูมิ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาถึงขัดขืนการจับกุมและประทุษร้ายเจ้าหน้าที่

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินนายชัยภูมิว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะการพบพิรุธ 3 ผู้ค้ายาเสพติดที่โอนเงินเข้ามาในบัญชีนายชัยภูมิ เบื้องต้นยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าต้นทางของเงินมาจากไหน และ 3 ผู้ค้ายาเสพติดเป็นใคร เกรงกระทบสำนวนคดี ส่วนญาติที่ระบุเงินที่โอนเข้ามาเป็นเงินจากธุรกิจกาแฟนั้น ที่มาที่ไปของเงินต้องสามารถชี้แจงได้ เพราะการทำธุรกิจต้องส่งเรื่องการเสียภาษี ซึ่งต้องสืบสวนและขยายผลเช่นกัน เรื่องนี้บช.ภ.5 กำลังสืบสวนให้ชัดเจน

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีจะเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนายไซซะนะ ผู้ค้ายา เสพติดข้ามชาติรายใหญ่หรือไม่นั้น เรื่องนี้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ เนื่องจากจุดที่ เจ้าหน้าที่ตั้งด่านสกัดถือเป็นด่านชั้นหน้า อีกทั้งตรวจสอบประเภทยาบ้าด้วยว่ามีแหล่งที่ มาจากไหน เป็นเครือข่ายของใคร

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นาย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบพล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 โดยระบุว่ากรณีแม่ทัพภาคที่ 3 ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. เกี่ยวกับการวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิว่า “ถ้าเป็นผม ผมอาจกดออโต้ไปแล้วก็ได้” ซึ่งการให้สัมภาษณ์ลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายชี้นำกระบวนการยุติธรรม เพราะขนาดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังระบุต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน เท่ากับว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าการวิสามัญฯเป็นไปถูกต้องหรือไม่ การออกมาปกป้องและใช้คำพูดในลักษณะ ดังกล่าวของแม่ทัพภาคที่ 3 อาจเข้าข่ายความผิดหรือฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยประมวลจริยธรรม พ.ศ.2551 หรือไม่

วันเดียวกัน นายเกรียงไกร ชีช่วง คณะกรรมการสภาชนเผ่าพื้นเมืองกล่าวว่า อยากให้ทหารนำภาพวงจรปิดมาเปิด โดยเอาข้อมูลที่มีออกมาให้ทุกฝ่ายสบายใจว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร เอาข้อเท็จจริงมายืนยันเลย ไม่ใช่ให้สัมภาษณ์ชี้นำและตีตราว่าสิ่งที่นายชัยภูมิทำนั้นไม่ถูกต้อง อย่างล่าสุดแม่ทัพภาคที่ 3 ให้สัมภาษณ์ว่าพลทหารมีสิทธิ์ป้องกันตัว ซึ่งหากนายชัยภูมิกำลังขว้างระเบิดจริง การนำภาพมาเปิดจะทำให้ทุกคนกระจ่างว่านายชัยภูมิทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุ แต่หากยังไม่เปิดภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วมาให้ข่าวในลักษณะนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมกับคนตาย เช่นเดียวกับเรื่องบัญชีที่มีการโอนเงินเข้ามาของนายชัยภูมิ ก็มีแต่ให้สัมภาษณ์ไม่เห็นนำมาเปิดเผย จึงหวังให้เจ้าหน้าที่รัฐนำหลักฐาน มาแสดง เพื่อความยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบรถ ฮอนด้าแจ๊ซ สีดำ ทะเบียน ขก 3774 เชียงใหม่ รถคันที่นายชัยภูมินั่งมาด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ระบุว่ารถคันดังกล่าวเป็นของนักค้ายาเสพติดในอ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ที่อยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุม แต่จากการตรวจสอบรถ คันดังกล่าวพบว่าผู้ถือกรรมสิทธิ์คือธนาคารแห่งหนึ่ง มีนางแสงหล้า บุญมี ชาวอ.ฝาง จ.เชียง ใหม่ เป็นผู้ครอบครองรถวันที่ 13 ต.ค.2558 อีกทั้งไม่พบหมายจับและไม่เคยต้องคดีอาญา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน