“ป.ป.ช.” แจงมติเอกฉันท์ฟัน “วิรัช-ทัศนียา-บิ๊กขรก.” รวม 24 ราย ทุจริตสร้างสนามฟุตซอลโคราช พบวางแผนทุจริตเป็นกระบวนการ-แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงข่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 9 เสียง ชี้มูลความผิด นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล, นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ, นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ (น้องสาวนางทัศนียา) ส.ส.นครราชสีมา เขต 8 พรรคพลังประชารัฐ และพวกรวม 24 ราย

กรณีทุจริตในการจัดสรรงบประมาณเพื่อทำการก่อสร้างสนามฟุตซอล ในพื้นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพฐ.)ในจังหวัดนครราชสีมา โดยแบ่งเป็น กลุ่มผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ประสานงาน จำนวน 6 ราย อาทิ นายวิรัช และนางทัศนียา มีมูลความผิดฐานฝ่าฝืนข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 168

และมีมูลความผิดอาญาตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และประมวลกฎหมายอาญา ส่วนนางทัศนาพร มีมูลความผิดอาญาตาม พ.ร.ป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา ส่วนกลุ่มข้าราชการ จำนวน 9 ราย อาทิ อดีตเลขาธิการ สพฐ., ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สพฐ.,

อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครราชสีมาเขต 2 มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ขณะที่กลุ่มเอกชน จำนวน 9 ราย มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542

โดยข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการระดับสูง และกลุ่มเอกชน มีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริตเชิงนโยบาย และเป็นตัวการร่วมกันในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ และเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการกระทำความผิด ร่วมดำเนินการอย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ และมีการวางแผนในการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้กลุ่มเอกชนที่เป็นพรรคพวกของตนเองได้เข้าเป็นคู่สัญญา และการก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอลไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง








Advertisement

เมื่อถามว่า นายวิรัช แถลงข่าวว่าจะฟ้อง ป.ป.ช. กรณีดังกล่าว นายวรวิทย์ กล่าวว่า ป.ป.ช. มั่นใจในการทำงาน ส่วนใครที่จะฟ้องห้ามไม่ได้ ส่วนกรณีนายวิรัช ร้องขอความเป็นธรรมคดีนี้นั้น เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่นายวิรัชร้องขอความเป็นธรรมและกล่าวอ้างถึง เป็นพยานหลักฐานที่ไม่มีนัยสำคัญเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ยกคำร้อง


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน