เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ก.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความและประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และคณะทำงาน ด้านกฎหมาย เดินทางเข้าพบนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม เพื่อนำผู้เสียหายจากกรณีถูกนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางไก่ แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน และกรณีนางกิมเอ็ง แซ่เตียว ในคดีร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม เพื่อขอบคุณกระทรวงยุติธรรมที่ได้ช่วยเหลือเยียวยา พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี201609301239313-20150129150635

นายสงกรานต์ กล่าวว่า ในวันนี้ตนนำเหยื่อและผู้เสียหายในคดีของนางมณฑาและนางกิมเอ็งมาร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ความช่วยเหลือและความเป็นธรรมกับผู้เสียหายดังกล่าว โดยเรื่องแรกเป็นเรื่องของนางมณตานั้น ที่ผ่านมายังไม่มีการดำเนินคดีอย่างจริงจัง และผู้เสียหายหลายรายก็ยังไม่ได้รับการดำเนินคดี และชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดของนางมณตากับพวก

201609301239424-20150129150635

ส่วนกรณีของนางกิมเอ็ง ก็มีผู้เสียหายและเหยื่อหลายราย ที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อต้องการให้กระทรวงช่วยเหลือในการใช้สิทธิตามกฎหมาย เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำละเมิด อีกทั้ง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอีก นอกจากนี้ ยังมีกรณีของเศรษฐีนี ซึ่งเป็นยาย อายุ 82 ปี ในเรื่องของการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่พยาบาลได้ร้องเรียนมายังตนเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีการกล่าวอ้างว่ายายคนดังกล่าวในรับการให้ยาเกินขนาดและทำพฤติกรรมไปโดยที่ยายไม่ได้ยินยอม เสียหายไปแล้ว 20 ล้านบาท และยังมีทรัพย์สินอื่นอีก จึงอยากให้กระทรวงยุติธรรมเข้าไปตรวจสอบและดูแลยายคนดังกล่าว พร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมด้วย

นายธวัชชัย กล่าวว่า สำหรับกรณีของนางมณตาและนางกิมเอ็ง กองทุนยุติธรรมได้ให้ความช่วยเหลือจำเลยที่ถูกหญิงไก่แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว โดยอนุมัติเงินปล่อยตัวชั่วคราว และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินคดี คือน.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือน้องก้อย 100,000 บาท ปัจจุบันอัยการนัดฟังคำสั่ง ว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง, นายชูเกียติ ใจกล้า และนางประภาพร ทองเฟื้อง พ่อและแม่ของน้องก้อย คนละ 100,000 บาท ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 คน พนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง และได้ช่วยเหลือนางสุกัญญา ศิริม่วง 100,000 บาท ปัจจุบันพนักงานสอบสวนเห็นควรไม่สั่งฟ้อง, น.ส.กาบแก้ว สัญชาติลาว 100,000 บาท ประกันตัวในชั้นสอบสวน และน.ส.ธรรมา สัญชาติลาว ได้ยุติคำขอ เพราะไม่เข้าพบพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ หากคดีมีข้อยุติแล้ว โดยผู้เสียหายไม่มีความผิดหรือตกเป็นแพะ ซึ่งในส่วนนี้ก็จะมีช่วยเหลือชดเชยค่าเสียหาย ซึ่งจะประสานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพต่อไป

รองปลัดยธ. กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องของเศรษฐีนี ที่เป็นยาย อายุ 82 ปี ตนได้ประสานไปยังกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แล้ว เพื่อให้ดำเนินการตามประกาศของ พม. เรื่องกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับอันตรายจากการถูกทารุณกรรม หรือถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือถูกทอดทิ้ง และการให้คําแนะนํา ปรึกษา พร้อมทั้งสอบข้อเท็จจริง และพฤติการณ์ของการถูกแสวงหาประโยชน์ และกรณีจําเป็นให้ดําเนินการประสานงาน เพื่อจัดให้มีการตรวจสุขภาพกาย และสุขภาพจิต โดยที่การสอบข้อเท็จจริงให้รวมถึงการสอบถึงบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ซึ่งเป็นตัวการ หรือเป็นนายหน้าในการนําผู้สูงอายุมาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และในกรณีที่ผู้สูงอายุถูกบุคคลหรือกลุ่มบุคคลแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา ก็ให้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดําเนินคดีต่อผู้กระทําความผิดต่อไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน