ยังลอยนวล! ผัวหึงโหด ฟันหัวเมีย-เผารถ ตร.แจ้ง 3 ข้อหา ยังไม่เข้าข่ายพยายามฆ่า ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 รอใบรับรองแพทย์เหยื่อประกอบสำนวนคดี
กรณีโลกโซเชียลแชร์ภาพของหญิงสาว 2 พี่น้อง ถูกทำร้ายร่างกาย พร้อมกับข้อความว่า ถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกาย เอามีดมาฟันที่หัว นอกจากนี้ ยังข่มขู่และเผารถยนต์ได้รับความเสียหาย จนน้องสาวทนไม่ได้ หนีมาอยู่บ้านพี่ และแฟนน้องก็ตามมาขอคืนดี ซึ่งน้องไม่ยอม ก่อนไปแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย ตำรวจบอกว่าเป็นแค่เรื่องทะเลาะวิวาท ก็เลยแจ้งว่าพยายามฆ่า ตำรวจก็บอกว่าพยายามฆ่าไม่ได้ เพราะใช้มีดฟันแต่ไม่ได้แทง ไม่ทำให้ถึงชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ผัวหึงโหด / ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 22 ส.ค. ที่สน.หนองแขม พ.ต.ท.วิชิต สวัสดี รองผู้กำกับสอบสวน สน.หนองแขม เจ้าของคดี กล่าวว่า หลังผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คน คือน.ส.พรมรินทร์ (พี่สาว) และน.ส.พรพรรณ (น้องสาว) เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ก็ส่งตัวไปตรวจบาดแผลที่โรงพยาบาล เพื่อที่จะได้แจ้งข้อกล่าวหา
โดยผลการตรวจของน.ส.พรมรินทร์ แพทย์เพิ่งส่งมาวัยที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า มีบาดแผลฉีกขาดขอบเรียบ ขนาด 1 เซนติเมตร บริเวณที่สะบักหลังด้านซ้าย และศีรษะด้านบนซ้าย ต้องพักรักษาตัว 10 วัน ส่วนใบรับรองแพทย์ของน.ส.พรพรรณแพทย์จะส่งมาวันที่ 23 ส.ค. นี้ ซึ่งในส่วนนี้ก็ได้แจ้งให้กับผู้เสียหายทราบเรียบร้อยแล้ว ในการรอผลจากแพทย์นำมาประกอบในสำนวนคดี
พ.ต.ท.วิชิต กล่าวว่า นอกจากนี้ ทางตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ อย่างละเอียดเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ผู้เสียหายทั้ง 2 คนเข้าแจ้งความ รวมถึงการสอบพยานบุคคลทั้ง 3 ปาก คือนางพรมรินท์, น.ส.พรพรรณ และญาติที่อยู่ในบ้านที่เกิดหตุ
พ.ต.ท.วิชิต กล่าวอีกว่า โดยเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนยังออกหมายเรียก นายวินัย ไพรสิงห์ ผู้ก่อเหตุเข้ามารับทราบ 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น, กักขังหน่วงเหนี่ยว, และพกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน และที่สาธารณะ แต่ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อขอเข้ามอบตัว จึงเตรียมดำเนินการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และหากไม่มาอีกก็จะขอศาลแขวงบางบอนออกหมายจับทันที โดยขณะยังดำเนินการควบคู่กันไปโดยให้ตำรวจสืบสวนเร่งติดตามตัวนายวินัยมาดำเนินคดี เพื่อที่จะไม่ให้ไปก่อเหตุขึ้นอีก
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
“ส่วนที่ผู้เสียหายโพสต์ลงโซเชียลว่า ทำไมตำรวจไม่ดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่านั้น ยืนยันว่าตำรวจทำตามข้อกฎหมายที่จากบาดแผล และการเข้าทำร้ายร่างกายตามที่ผู้เสียหายให้ปากคำไว้ไม่เข้าข่ายฐานพยายามฆ่า ส่วนรถแท็กซี่สามีของน.ส.พรมรินทร์ที่ถูกเผา ยืนยันว่าไม่ได้เกิดเหตุวันเดียวกันกับที่ถูกทำร้าย แต่เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นในคืนวันที่ 15 ส.ค. โดยที่ไม่มีใครเห็นผู้ก่อเหตุ ได้ยินแค่เสียงกระจกแตกจึงวิ่งออกมาดู ก็เห็นว่ารถถูกไฟไหม้แล้ว ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความอีก 1 คดี เพราะเชื่อว่านายวินัยอาจจะเป็นคนทำ ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำเพื่อหาตัวผู้กระทำผิด” รองผู้กำกับสอบสวน สน.หนองแขม กล่าว