เผย บิลลี่ ถูกฆ่าโดยทรมาน เจอกระดูกเพิ่มอีกกว่า 20 ชิ้น ในบริเวณเดียวกัน ยันชัดเป็นบิลลี่ เพราะสารพันธุกรรมตรงกับแม่ ที่ถ่านทอดมาสู่ลูกเท่านั้น ระบุเปลี่ยนการดำเนินคดี ม.157 เป็นฆาตกรรม

บิลลี่ เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 ก.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ ผอ.กองอำนวยการปฎิบัติการคดีพิเศษภาค พ.ต.ท.เสฏฐ์สถิตน์ สุวรรณกูด รอง ผอ.กองปฎิบัติการคดีพิเศษภาค พ.ต.ต.นิรุท อินธิศร ผู้บังคับกองร้อย กก.3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ดร.สว่างทิตย์ ศรีกิจสุวรรณ หน.ศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมอวกาศและทะเล ศณะวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ ผศ.วรวีร์ ไวยวุฒิ ผอ.กองสารพันธุกรรม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการหายตัวของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ภายหลังเกิดข้อพิพาทในพื้นที่ป่าแก่งกระจานจนไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกได้เนื่องจากประสบปัญหาหลายด้านรวมทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติพันธุ์ ก่อนนางพิณนภา หรือมึนอ พฤกษาพรรณ ซึ่งเป็นภรรยาของผู้สูญหายได้ร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยออกตามหาสามีหลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัวในข้อหาครอบครองน้ำผึ้งป่าที่ด่านเขามะเร็ว จนนำไปสู่การหายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 เม.ย.57 รวมระยะเวลากว่า 5 ปี

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว พร้อมทั้งแต่งตั้งพนักงานอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ รวมทั้งมีการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ประกอบด้วย สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และตัวแทนจากองค์การนอกภาครัฐ (NGO) ร่วมกันสืบสวนสอบสวนต่อเนื่องมาโดยตลอด

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ต่อเนื่องวันที่ 22- 24 พ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ใช้เครื่องยานยนต์สำรวจใต้น้ำจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และนักประดาน้ำ จากกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ตรวจหาพยานหลักฐานที่พื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน จนสามารถตรวจพบชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร จำนวน 1 ถัง เหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน จากนั้นได้ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจพิสูจน์พบว่าวัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ โดยมีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกเกิดการถูกความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200-300 องศาเซลเซียส

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อนำชิ้นส่วนกระดูกมาตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับ นางโพเราะจี รักจงเจริญ ซึ่งเป็นแม่ของ นายพอละจี เมื่อพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานในสำนวนอื่นประกอบ ทางพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงเชื่อว่า วัตถุดังกล่าวเป็นกระดูกของ นายบิลลี่ ที่เสียชีวิตแล้วโดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตาย แต่นำมาเผาทำลายเพื่ออำพรางคดี ส่วนถังน้ำมัน เหล็กเส้น ถ่านไม้ และเศษฝาถังน้ำมัน ได้ส่งศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ทำการตรวจพิสูจน์หาร่องรอยการผ่านความร้อนและการผุกร่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28-30 ส.ค. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกับนักประดาน้ำ จากกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่พื้นใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน จนกระทั่งพบเศษชิ้นส่วนกระดูกอีก 20 ชิ้น ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการ

“ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ เห็นว่าพฤติการณ์ของกลุ่มคนร้ายที่กระทำผิดครั้งนี้เข้าข่ายลักษณะเป็นการฆาตกรรมโดยทรมาน และการบังคับบุคคลให้สูญหายที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ และคดีเป็นที่สนใจของประชาชน สื่อมวลชนในประเทศและระหว่างประเทศ จึงแถลงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนให้ทราบ ซึ่งหลังจากนี้ จะเร่งรัดสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดโดยเร็ว” พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าว

ด้าน ผศ.วรวีย์ เปิดเผยว่า วัตถุพยานที่ได้รับมาจากเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเป็นชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ซึ่งเป็นกะโหลกศีรษะทางด้านท้ายทอย มาจรดทางด้านใบหู และเป็นกะโหลกศีรษะด้านชั้นใน ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญของมนุษย์ หากชิ้นส่วนชิ้นนี้ไม่อยู่ในร่างกายจะทำให้เสียชีวิตทันที นอกจากนี้จากการตรวจชิ้นส่วนกระดูกพบรอยไหม้ และรอยแตกร้าว และเมื่อผ่านการสกัดสารพันธุกรรม โดยการตรวจแบบพิเศษเพื่อยืนยันสารพันธุกรรมจาก ไมโตคอนเดรีย ซึ่งสืบทอดจากแม่มาสู่ลูก

สารพันธุกรรมนี้ ตรงกับนางโพเราะจี แม่ของ นายบิลลี่ และสารพันธุกรรมนี้ จะไม่ส่งต่อไปยังลูกของ นายบิลลี่ ส่วนจะเป็น นายบิลลี่ หรือไม่ขึ้นอยู่กับการสรุปคดีของพนักงานสอบสวน ส่วนระยะเวลาของการเสียชีวิตนั้น จากการตรวจกระดูกพบว่าเสียชีวิตมานานพอสมควรแต่ยังไม่สามารถระบุวันเวลาได้แน่ชัด ทั้งนี้ชิ้นส่วนกระดูก 8 ชิ้น ที่พบว่าเป็นกระดูกมนุษย์จะต้องใช้เวลาการตรวจพิสูจน์อีก 1 เดือน ก่อนจะสามารถยืนยันได้ว่าเป็นของบุคคลใด เพราะกระดูกผ่านความร้อนและผ่านการสูญสลายมาแล้ว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ขณะที่ พ.ต.ท.เสฏฐ์สถิตน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนพบว่า พี่น้องของนายบิลลี่ ยังอยู่ครบหมดทุกคน ยกเว้นนายบิลลี่เพียงคนเดียว ส่วนการดำเนินคดีจากเดิมที่ดำเนินคดี ม.157 ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จะต้องเปลี่ยนเป็นคดีฆาตกรรม ส่วนจะฆาตกรรมด้วยวิธีใดนั้นจะต้องสืบสวนอีกครั้ง ส่วนกลุ่มผู้ต้องสงสัยคดีนี้มีกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยจำนวนผู้ต้องสงสัย และรายละเอียดใดๆ ได้ในขณะนี้ ส่วนหลักฐานที่พบจะเชื่อมโยงกับบุคคลใดก็ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เช่นกัน

พ.ต.ท.เสฏฐ์สถิตน์ กล่าวต่อว่า โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่ทำไปตามพยานหลักฐาน ทั้งพยานหลักฐานที่เก็บในที่เกิดเหตุ และพยานแวดล้อม เมื่อรวบรวมได้แล้วจะชี้ไปถึงผู้ที่กระทำความผิดได้ โดยรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในสำนวนการสอบสวนและจะรวบรวมหลักฐานให้มากที่สุด รวมถึงหลักจากนี้จะเรียกพยานมาสอบเพิ่มเติม ทั้งพยานบางส่วนที่สอบไปแล้ว และพยานที่ไม่ได้เรียกเข้า ไม่ว่าผู้กระทำความผิดจะเป็นผู้ใดจะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน