เมียบิลลี่ จุกอกพูดไม่ออก ฆาตกรเหี้ยม ฆ่าสามีเผายัดถัง รับกังวลความปลอดภัย โดนขู่อุ้มหาย!

หลังดีเอสไอ แถลงความคืบหน้ากรณีการหายตัวไปของ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบางกลอย-โป่งลึก ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2557 หลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ควบคุมตัวไปข้อหาครอบครองน้ำผึ้งป่า ซึ่งหลังจากนั้นไม่มีใครพบเห็นบิลลี่ อีกเลย

โดยระบุว่า พบชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถัง เหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน จากนั้นส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ทำการตรวจพิสูจน์พบว่า “วัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200-300 องศาเซลเซียส

ตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับ นางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายพอละจี เมื่อพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานในสำนวนอื่นประกอบ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงเชื่อว่า วัตถุดังกล่าวเป็นกระดูกของ “นายพอละจี รักจงเจริญ ที่เสียชีวิตแล้วโดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตาย แต่นำมาเผาทำลายเพื่ออำพรางคดี”

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยา นายพอละจี ให้สัมภาษณ์หลังทราบผลการแถลงจากดีเอสไอ ว่า เมื่อเห็นภาพกระดูกของบิลลี่ ตนรู้สึกจุกอกจนพูดไม่ออก ว่าทำไมถึงทำกับบิลลี่ได้ บิลลี่ไปทำอะไรให้ถึงทำกับต้องเอาชีวิตกันด้วย เพราะเขาไม่เคยไปทำอะไรร้ายแรงกับใครเลย ส่วนตัวเมื่อรู้แล้วว่าบิลลี่ ตายแล้วหลังจากรอคอยคำตอบมา 5 ปี ในด้านจิตใจก็ไม่ต้องไปวนเวียนว่าบิลลี่ หายไปไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

น.ส.พิณนภา กล่าวต่อว่า ต่อจากนี้ทั้งตนและลูกทั้ง 5 คน รวมถึง แม่ของบิลลี่ กังวลในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากตอนที่บิลลี่หายไปในช่วงแรก คนที่เกี่ยวข้องกับการหายไปได้มาข่มขู่ว่าจะทำให้ครอบครัวหายไป ซึ่งเมื่อความจริงในเรื่องนี้ปรากฎแล้ว ก็ทำให้ครอบครัวมีความกังวลว่าคนที่ก่อเหตุจะย้อนกลับมาทำร้าย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับตัวคนที่ทำกับบิลลี่มาดำเนินคดีโดยเร็ว ส่วนในเรื่องการทำบุญให้บิลลี่นั้น คงจะทำตามความเชื่อของคนกะเหรี่ยง ซึ่งต้องรอให้การดำเนินคดีของดีเอสไอเสร็จสิ้น

“ครอบครัวเราไม่ต้องการเงินเยียวยาจากคนที่ทำกับบิลลี่ แต่อยากร้องขอไปทางกรมอุทยานฯ ให้ชาวบ้านได้กลับไปอยู่ในพื้นที่ใจแผ่นดินที่ถูกเผาขับไล่ที่ลงมา เพราะสำหรับคนกะเหรี่ยง เงินไม่ได้สำคัญอะไรกับเรา เงินไม่ได้กินได้ตลอดชีวิต แต่หากเรามีพื้นที่ทำกิน เราสามารถอยู่ได้ทั้งชีวิต อีกทั้งอยากให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯเข้าใจวิถีชีวิตของชาวบ้าน ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำลายป่า อย่ามองเราแบบอคติแบบที่ผ่านมา” ภรรยาบิลลี่ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน