จากกรณีนายนที สรวารี เลขาธิการมูลนิธิอิสรชน เกิดอาการล้มฟุบในห้องน้ำ จนต้องนำตัวส่ง รพ.สินแพทย์ โดยพบว่ามีอาการเส้นเลือดในสมองแตก แต่ไม่สามารถใช้สิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต รักษาฟรี 72 ชั่วโมงแรก ตามโครงการนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (ยูเซป) ได้ เนื่องจากโรงพยาบาลแจ้งว่าเป็นอาการฉุกเฉินสีเหลือง เมื่อพยายามติดต่อไป รพ.รัฐก็ไม่มีเตียงรองรับ และแพทย์แจ้งว่าหากไม่ผ่าตัดจะเสียชีวิต และแจ้งค่ารักษาทั้งหมด 4 แสนบาท จึงระดมขอความช่วยเหลือ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว ‘นที สรวารี’ เลขาฯมูลนิธิอิสรชน ล้มในห้องน้ำเส้นเลือดสมองแตก เพื่อนๆ ระดมทุนช่วยเหลือ

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่โรงพยาบาลสินแพทย์ กทม. นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมตัวแทนจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เดินทางมาตรวจสอบกรณีดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาข้อขัดแย้งว่าอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินเป็นระดับใด

นพ.ธงชัย กล่าวว่า กรณีดังกล่าวมีความก้ำกึ่งระหว่างเจ็บป่วยฉุกเฉินสีเหลืองและสีแดง ซึ่งแพทย์รพ.สินแพทย์ก็อาศัยคู่มือของสพฉ.ในการคัดแยกกลุ่มอาการฉุกเฉิน ซึ่งวินิจฉัยว่าเป็นเจ็บป่วยฉุกเฉินสีเหลือง จึงไม่เข้าเกณฑ์การใช้สิทธิยูเซป แต่ญาติมีข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นสีแดง ซึ่งแม้จะยังไม่ได้มีการร้องเรียนเข้ามายัง สบส. แต่เมื่อปรากฏเป็นข่าวทางโซเชียลมีเดียออกไป ก็ต้องเข้ามาตรวจสอบเพื่อให้เกิดความชัดเจน

ซึ่งการเข้ามาให้ความกระจ่างนี้ก็เป็นไปตามกระบวนการ ขั้นตอนที่ว่าผู้ป่วยและญาติสามารถอุทธรณ์เรื่องคำวินิจฉัยของแพทย์ได้ ทั้งนี้ จากการนำข้อมูลผู้ป่วยเข้าสู่ระบบประเมินและบันทึกการประเมินผู้ป่วยในโปรแกรม Preauthorization ของสพฉ.พบว่า ผู้ป่วยรายนี้เข้าเกณฑ์เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตสีแดง ดังนั้น จึงสามารถใช้สิทธิยูเซปได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าว รพ.ถือว่ามีความผิดหรือไม่ นพ.ธงชัย กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ยังไม่ถึงขั้นร้องเรียนเข้ามายังสบส.เพื่อเอาผิดรพ. คือยังอยู่ในกระบวนการที่สามารถพูดคุยกันได้ และจากการดูท่าทีและเจตนาของรพ.ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้ รพ.สินแพทย์ก็มีการส่งข้อมูลผู้ป่วยเข้ามาในระบบ Preauthorization 5 ราย โดยให้ข้อมูลว่าทุกรายเป็นวิกฤตสีแดง แต่มีเพียง 1 รายที่ สพฉ.ยืนยันเองว่าเป็นสีเหลือง ซึ่งก็สะท้อนเจตนารพ.ได้ว่า ไม่ได้จงใจที่จะวินิจฉัยให้เป็นฉุกเฉินสีเหลืองเพื่อเก็บเงิน และกรณีนี้ก็ยังไม่ได้มีการเก็บเงินแต่อย่างใด

เพียงแต่กรณีนี้มีปัญหาคือไม่ได้มีการคีย์ข้อมูลเข้ามาในระบบเท่านั้น ซึ่งอาจเกิดจากคนทำงานยังมีความไม่เข้าใจหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้นของโครงการก็อาจมีความผิดพลาดได้ อย่างไรก็ตาม หากเมื่อ สพฉ.ยืนยันว่าเป็นวิกฤตสีแดง แต่รพ.ยังยืนยันว่าให้เป็นวิกฤตสีเหลือง เพื่อจะเก็บเงินก็สามารถร้องเรียนได้

เมื่อถามว่า ควรคีย์ข้อมูลเข้าระบบทุกรายหรือไม่ เพื่อป้องกันความผิดพลาดเช่นกรณีดังกล่าว นพ.ธงชัย กล่าวว่า ระบบดังกล่าว สพฉ.จัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก เพราะระบบจะสามารถช่วยวินิจฉัยได้ว่าอาการของผู้ป่วยรายนี้เข้าเกณฑ์วิกฤตสีแดงหรือไม่ และจะพิมพ์ใบออกมาให้ญาติเซ็นรับทราบ และหากเป็นวิกฤตสีแดง ระบบก็จะช่วยประสานในการหาเตียงหลังพ้น 72 ชั่วโมงด้วย หรือแม้ระบบจะวินิจฉัยออกมาว่าเป็นฉุกเฉินสีเหลือง ญาติก็สามารถอุทธรณ์ให้ สพฉ.วินิจฉัยได้เช่นกัน

“การวินิจฉัยนั้นตามปกติจะแบ่งเป็นการวินิจฉัยเพื่อรักษาพยาบาล และวินิจฉัยเพื่อเข้าร่วมโครงการ ซึ่งตามกฎหมายระบุเพียงว่าให้แจ้งแก่ญาติทราบเท่านั้น ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องคีย์ข้อมูลเข้าระบบทุกราย ดังนั้น รพ.จะคีย์หรือไม่ก็ได้ ซึ่งหากแพทย์มั่นใจว่าไม่เข้าเกณฑ์สีแดง เช่น เป็นสีเขียว ก็อาจไม่ต้องคีย์ข้อมูลก็ได้ แต่หากมีความก้ำกึ่งหรือไม่แน่ใจ ก็ควรคีย์ข้อมูลเพื่อให้ระบบช่วยวินิจฉัย ซึ่งจริงๆ แล้วก็อยากให้คีย์ข้อมูลทุกเคส เพราะต้องเข้าใจว่าช่วงเริ่มต้นโครงการ อาจจะยังมีปัญหาเรื่องของความไม่เข้าใจระหว่างญาติผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ก็อยากให้มีการคีย์ข้อมูลเข้าระบบไว้ก่อน ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2560 มีการคีย์ข้อมูลเข้ามาในระบบแล้ว 912 ราย เป็นวิกฤตสีแดง 385 ราย” นพ.ธงชัย กล่าว

ด้าน น.ส.อัจฉรา สรวารี ภรรยาของผู้ป่วย กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวถือว่าเป็นนโยบายที่ดีในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ลงมาช่วยเหลือ และให้ความชัดเจนว่าเป็นอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตจริงหรือไม่ ซึ่งสุดท้ายก็ออกมาเป็นวิกฤตสีแดงก็โล่งใจ เพราะสามารถใช้สิทธิได้

แต่ที่กังวลคือยังคงต้องดูแลสามีในระยะยาว อย่างไรก็ตาม อยากให้สพฉ.ทำข้อมูลสื่อสารกับสังคมให้ชัดเจนว่า ลักษณะอาการอย่างไร เข้าช่องทางอย่างไรให้ชัดเจนจึงจะใช้สิทธิได้ ซึ่งเคสของสามีถือว่าโชคดีที่สังคมให้ความสนใจช่วยเหลือ เพราะเป็นบุคคลของสังคม แต่เคสอื่นๆ จะมั่นใจได้อย่างไรเมื่อเกิดปัญหาขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน