ไล่ออกแล้ว ด.ต.เอา ปืนหลวง ไปจำนำ 50 กระบอก จ่อหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 5 เผยตามอาวุธปืนคืนได้แล้ว 19 กระบอก เหลือที่หายอีก 31 กระบอก

ปืนหลวง / เมื่อวันที่ 26 ต.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณี ดาบตำรวจ สภ.ท่าหิน นำปืนหลวง ซึ่งเป็นปืนที่อยู่ในคลังของ สภ.ท่าหิน ไปจำนำแก่บุคคลภายนอก ในพื้นที่สภ.ท่าหิน จว.ลพบุรี ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.ท่าหิน ว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ด.ต.ชรินทร์ บุตรดี ซึ่งทำหน้าที่ดูแลพัสดุและสิ่งของหลวง กระทำผิดวินัยร้ายแรง โดยการนำอาวุธปืนในคลังของสภ.ท่าหิน ไปจำนำแก่บุคคลอื่น รวมทั้งหมด 50 กระบอก

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางสภ.ท่าหินดำเนินคดีอาญากับด.ต.ชรินทร์ ประกอบกับทางภ.จว.ลพบุรี มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พร้อมมีคำสั่งให้ออกจากราชไว้ก่อนแล้ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส กับทุกฝ่าย ประกอบกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนดำเนินคดีอาญาดังกล่าว และตั้งชุดสืบสวนติดตามอาวุธปืนดังกล่าวต่อไป

ต่อมา ในวันที่ 25 ต.ค. เจ้าหน้าตำรวจจับกุมตัว นายประทีป โตพูล ตามหมายจับของศาลจังหวัดลพบุรี “ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดซื้อ ทำ ดูแล รักษาทรัพย์ใดๆเบียดบังทรัพย์นั้นป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต หรือรับของโจร “และนำตัวฝากขังที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤตมิชอบภาค 1 จ.สระบุรี และในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสามารถติดตามอาวุธปืนของหลวงที่หายไปได้อีก 1 กระบอกบริเวณป่าหญ้าด้านหลังศาลารถประจำทาง ถนนสุรนารายณ์ ต.นาโสม อ.ชัยบาดาล จ.ละบุรี โดยในขณะนี้เบื้องต้น สามารถติดตามอาวุธปืนคืนได้แล้วจำนวน 19 กระบอก คงเหลือที่หายอีก จำนวน 31 กระบอก

รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า สภ.ท่าหิน ดำเนินคดีกับด.ต.ชรินทร์ตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมกับคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนได้ขยายผลว่า มีผู้ใดมีส่วนร่วมในการกระทำผิดอีกหรือไม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุมัติศาลจังหวัดลพบุรี ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกจำนวน 5 ราย โดยยืนว่าจะดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระความผิด และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว โดยไม่มีการละเว้นและไม่มีผู้ใดสามารถให้ความช่วยเหลือได้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้ดำเนินการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรอบคอบ โปร่งใส รวดเร็ว เป็นธรรม ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากทำผิดจริง ต้องเอาโทษให้ถึงที่สุด ทั้งทางวินัยและทางอาญา อย่างเด็ดขาด โดยจะต้องรับโทษหนักกว่าบุคคลธรรมดา เพราะว่าเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายแต่กลับทำผิดเสียเอง โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่เคารพต่อเกียรติของตำรวจ

พร้อมทั้งกำชับให้ผู้บังคับบัญชาในทุกระดับชั้น เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย สอดส่อง ตรวจตรา ความสงบเรียบร้อย รวมไปถึง มาตรการในการป้องกันเหตุ สำรวจสิ่งของหลวงตามกำหนด

โดยเน้นย้ำ อย่าให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก และได้กำชับกองบัญชาการทุกภาคส่วน ให้กำกับ ดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัด อย่างใกล้ชิด คอยสอดส่อง ดูแล ให้ประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัย ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้กระทำความผิดเสียเองหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน