เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม รายงานสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เกิดฝนตกปานกลางถึงหนักทั่วพื้นที่กทม. โดยปริมาณฝนสูงสุดในเขตบางซื่อ 100 มิลลิเมตร (มม.) ส่งผลให้มีน้ำท่วมขัง 12 จุด ความสูง 5-30 เซนติเมตร กว้าง 1-2 ช่องจราจร ความยาว 20-500 เมตร ดังนี้ 1.บริเวณทางลงทางด่วน ถนนพระรามหก 2. บริเวณแยกเตาปูน ถนนประชาราษฎร์สายสอง 3.บริเวณหน้าตลาดพงษ์เพชร ถนนงามวงศ์วาน 4.บริเวณปากซอยชินเขต ถนนงามวงศ์วาน
5.บริเวณหน้าตลาดประชานิเวศน์ถนนเทศบาลสงเคราะห์ 6.บริเวณแยกสะพานควาย ถนนประดิพัทธ์ทั้งสองฝั่ง 7.บริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญ-บริษัททีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ 8.บริเวณวงเวียนบางเขน ถนนพหลโยธิน 9.บริเวณอุโมงค์สะพานดำ ถนนกำแพงเพชร 10.บริเวณหน้าตลาดอมรพันธ์ ถนนงามวงศ์วาน 11.บริเวณหน้าตลาดอมรพันธ์ ถนนพหลโยธิน 12.บริเวณแยกประดิพัทธ์ถึงบ่อสูบน้ำสะพานดำ ถนนพระรามหก และ 13.บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ ถนนรัชดาภิเษก
วันเดียวกัน ที่ศาลาว่าการกทม. นางเบญทราย กียปัจจ์ ผู้ช่วยเลขาผู้ว่าฯกทม. และรองโฆษก เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 32 ซึ่งนางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานการประชุม ว่า สำนักการระบายน้ำได้รายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยสถานการณ์น้ำเหนือ น้ำหนุน รวมถึงสถานการณ์น้ำทางพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ยังไม่น่าห่วง
เนื่องจากวันนี้กรมชลประทานได้ลดปริมาณการปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ลดลงเหลือประมาณ 1,600 ลบ.ม./วินาที จากเดิมสัปดาห์ที่แล้ว (29 ก.ย. – 1 ต.ค.59) ปล่อยน้ำที่ปริมาณ 2,000 ลบ.ม./วินาที เนื่องจากเริ่มมีน้ำเอ่อล้นท่วมหลายพื้นที่ เช่น ปทุมธานี อยุธยา ประกอบกับฝนตกน้อยลง รวมถึงระดับน้ำหนุนซึ่งวัดได้ที่ปากคลองตลาดเมื่อวานนี้ อยู่ที่ 1.4 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ยังไม่สูงมากนักยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรับได้ ทำให้ในวันนี้สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ไหลผ่านกรุงเทพฯ จึงไม่น่าเป็นห่วงยังไม่มีผลกระทบกับพื้นที่กรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางเดือนต.ค.นี้ จะมีน้ำทะเลหนุนสูง โดยจะต้องเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดกับขึ้นกับชุมชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ รวมถึงจุดฟันหลอริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งกทม.ได้เตรียมการช่วยเหลือแล้ว
ในส่วนของระดับน้ำฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาระดับน้ำอยู่ในระดับวิกฤตหลายจุด เช่น แถบมีนบุรี ลาดกระบัง สูงกว่าระดับวิกฤตทำให้มีน้ำล้นเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยกทม.ได้เร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาผ่านพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน ซึ่งปัจจุบันสามารถลดระดับน้ำในคลองสายต่างๆ ในกรุงเทพฯ ทั้งคลองลาดพร้าว คลองแสนแสบ คลองเปรมประชากร รวมถึงฝั่งธนบุรี อยู่ในระดับที่ควบคุมแล้ว แม้ว่าบางจุดยังสูงแต่ก็อยู่ในระดับเฝ้าระวังและอยู่ในเกณฑ์การควบคุม
สำนักการระบายน้ำรายงานสถานการณ์ฝนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมีฝนตกเกือบทุกพื้นที่ในประเทศ ไทย ส่วนในกรุงเทพฯ ปริมาณฝนรวมเริ่มลดลงเฉลี่ยไม่เกิน 100 มม. โดยภาพรวมเมื่อช่วงวันที่ 26 ก.ย.-3 ต.ค.59 ปริมาณฝนในพื้นที่กรุงเทพฯ น้อยลงส่วนใหญ่ตกในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน โดยเมื่อวานนี้มีฝนตกหนักในพื้นที่เขตคลองเตย วัฒนา ยานนาวา สาทร ปริมาณฝนเฉลี่ยรวมเกือบ 100 มม. โดยมีความเข้มของฝนมากถึง 180 มม./ชม. ส่งผลให้น้ำท่วมขังรอการระบายกว่า 10 จุด อาทิ ถนนอโศกมนตรี ถนนสวนพลู ถนนนางลิ้นจี่ ถนนจันทน์ พระราม 4 ถนนสาธุประดิษฐ์ ถนนสุขุมวิทขาเข้า-ออก และสุรวงศ์ ซึ่งสำนักการระบายน้ำร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่เร่งการระบายน้ำโดยใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง น้ำแห้งเป็นปกติทุกจุด
สำหรับสถานการณ์ฝนในสัปดาห์นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ โดยในวันนี้คาดว่าช่วงบ่ายจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่เนื่องจากมีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านพื้นที่กรุงเทพฯ ในส่วนของพายุชบา ที่ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิค จะไม่มีผลกระทบกับประเทศไทยโดยเคลื่อนเข้าญี่ปุ่น เกาหลี อย่างไรก็ตาม กทม.เตรียมความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ วัสดุและอุปกรณ์ ไว้เรียบร้อยแล้ว
ที่สำนักการระบายน้ำ ศาลาว่าการกทม.2 ดินแดง นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ จังหวัดปทุมธานี แขวงทางหลวงกรุงเทพ แขวงทางหวลงปทุมธานี เทศบาลเมืองคูคต เทศบาลเมืองหลักหก เพื่อหารือถึงปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบาย ที่ถนนพหลโยธิน จุดรอยต่อกรุงเทพ-ปทุมธานี บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ และแยกลำลูกกา
นายภัทรุตม์ กล่าวว่า ที่ประชุมมอบหมายให้แต่ละหน่วยงาน บูรณาการทำงานร่วมกัน โดยให้จังหวัดปทุมธานีเพิ่มเครื่องสูบน้ำบริเวณคลองลาดสนุน และให้กรมทางหลวงเสริมผิวการจราจรบริเวณอนุสรณ์สถานฯเชื่อมถนนวิภาวดีรังสิต และถนนพหลโยธิน หน้าสนามกีฬาธูปเตมีย์ และขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับทิศทางการระบายน้ำจากสนามกีฬาธูปเตมีย์จากเดิมที่ระบายออกจากด้านหน้าถนนพหลโยธิน ให้ปรับทิศทางออกสู่ด้านข้างถนนลำลูกกา ออกคลองลาดสนุ่นแทน
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้สำนักงานชลประทานที่ 11 เทศบาลเมืองหลักหก สำนักงานเขตดอนเมือง และสำนักการระบายน้ำให้ระบายน้ำจากคลองเปรมประชากรลงสู่คลองบ้านใหม่ ซึ่งเป็นคลองที่แบ่งเขตจังหวัดปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร ให้ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับเดินเครื่องสูบน้ำ 2 เครื่องระบายน้ำจากคลองเปรมประชากร ลงสู่คลองรังสิตประยูรศักดิ์ฝั่งทิศใต้ เพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นระหว่างการก่อสร้างสถานีสูบน้ำหลักหก