จากกรณีเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร จ.หนองคาย ได้จับกุมหนุ่มขนไนโตรเจนบรรจุถังอสุจิ เตรียมผ่านแดนนั้น เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่อาคารวานิช 2 นายศรายุธ อัสสมกร กรรมการผู้จัดการ ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที แถลงข่าวว่า จากการตรวจสอบ พบว่า หลอดอสุจิ 2 ใน 6 หลอด เป็นของศูนย์จริง ซึ่งเป็นของชาวจีน และชาวเวียดนาม โดยมีคนถือใบมอบอำนาจมาเบิกไปวันที่ 17 และ 19 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นคนเดียวกันทั้งสองครั้ง โดยตรวจสอบแล้วพบหลักฐานถูกต้อง มีการให้เหตุผลว่า ต้องการนำไปรักษาต่อที่คลินิกแห่งอื่น จึงมอบให้ตามความต้องการเพราะเจ้าของอสุจิ มีสิทธิโดยชอบธรรม

 

“เมื่อศูนย์มอบอสุจิให้ไปแล้วก็ถือว่าจบ ในส่วนของการขนส่งหรือนำอสุจิต่อไปที่ใดนั้น ศูนย์ไม่ได้รับรู้และมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นในการขนส่ง การขนส่งเคลื่อนย้ายคนไข้จะเป็ยคนดำเนินการเอง และที่ศูนย์ก็มีคนไข้มาเบิกอสุจิเสมอ แต่ทางศูนย์ได้มีการบอกและย้ำเสมอว่าการนำเข้า ส่งออกอสุจิออกนอกประเทศเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ” นายศรายุธ กล่าว

 

นายศรายุธ กล่าวด้วยว่า คนไข้ทั้ง 2 รายได้เข้ามาขอคำปรึกษาการรักษาผู้มีบุตรยากกับศูนย์ โดยหลังจากปรึกษากับแพทย์และเจ้าหน้าที่ คนไข้มีความประสงค์จะทำการเก็บอสุจิ ซึ่งปกติทางศูนย์มีบริการรับฝากอสุจิ รับฝากไข่อยู่แล้ว คล้ายๆกับธนาคารที่รับฝากเงิน มีกระบวนการถูกต้องตามกฎหมาย มีการตรวจสอบเอกสารของคนไข้แต่ละรายอย่างละเอียด มีการทำสัญญารับฝากอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ผู้ที่มารับบริการเรื่องการมีบุตรยากที่ศูนย์เป็นคนไทยร้อยละ 20 และต่างชาติร้อยละ 80 เช่น กัมพูชา ลาว เวียดนาม เมียนมาร์ เอเชียและแอฟริกาใต้

 

นายศรายุธ กล่าวอีกว่า ศูนย์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่ถูกจับกุมแต่อย่างใด และไม่เคยมีการว่าจ้างผู้ๆถูกจับกุมให้ขนส่งอสุจิไปยังประเทศเพื่อนบ้านตามที่ตกเป็นข่าว เพราะที่ผ่านมาศูนย์ไม่เคยให้การสนับสนุนการอุ้มบุญ หรือการซื้อขายอสุจิ ขายไข่เพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรม ซึ่งศูนย์เตรียมที่จะมีการแจ้งความเอาผิดผู้ที่กล่าวหาพาดพิงศูนย์ในเรื่องนี้ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน