มารดาของด.ญ.เหยื่อค้ากาม จ.แม่ฮ่องสอน ขอ “ดีเอสไอ” รับเป็นคดีพิเศษ-คุ้มครองพยาน หลังถูกคนอ้างเป็นหน่วยงานความมั่นคงโทรให้ไปพบหวั่นโดนข่มขู่ ด้าน “รองอธิบดีดีเอสไอ” ให้ “ผอ.ศูนย์ต่อต้านค้ามนุษย์” เร่งพิจารณา ระบุทำคดีไม่ทับซ้อนกับตร.

จากกรณีนางน้ำเพชร (ขอสงวนนามสกุล) ร้องเรียนว่าลูกสาวถูกดาบตำรวจ สภ.น้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน บังคับให้ขายบริการ นอกจากนี้ยังมีข้าราชการและนายตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องในการซื้อบริการเด็ก ขณะเดียวกันทางผู้บัคับบัญชาได้ย้ายดาบตำรวจคนดังกล่าวออกนอกพื้นที่แล้ว และเตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน ล่าสุดเจ้าหน้าที่จับ “ดาบยุทธ” กับพวกฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหาค้าประเวณี สมคบกันค้ามนุษย์เป็นธุระจัดหาค้าประเวณี โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่เจ้าตัวปฏิเสธอ้างโดนกลั่นแกล้ง จ่อออกหมายอีก 3 ตร. ระดับรองผกก.-รองสว.-ชั้นประทวน สงสัยร่วมซื้อกามเด็ก
ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว ผวจ.โต้คดีกามดญ. จ่อจับอื้อ ตร.-ขรก.ยกจว.นับ10คน-แม่ฮ่องสอนป่วน ลามถึง”รองผกก.-รองสว.” ปลัดมท.เต้น-สั่งสอบทันที รวบแล้วดต.ยุทธ-ยังปฏิเสธ

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 เม.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มารดาของด.ญ.เหยื่อค้ากาม ในพื้นที่สภ.น้ำเพียงดิน จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ เดินทางเข้าร้องเรียนต่อพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้รับคดีดาบตำรวจนายหนึ่ง ในพื้นที่สภ.เพียงน้ำดิน บังคับค้าประเวณี เป็นคดีพิเศษ โดยมีพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.คมวิชช์ พัฒนรัฐ รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการ ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ดีเอสไอ และพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่อง

นายเกิดผล กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) เดินทางไปยื่นหนังสือต่อศูนย์ปฏิบัติการดีเอสไอ ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ เพื่อขอให้ดีเอสไอตรวจสอบคดีค้ามนุษย์ที่จ.แม่ฮ่องสอนว่ามีความเป็นมาอย่างไร และมีใครเป็นผู้เกี่ยวข้องบ้าง พร้อมทั้งให้รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งในวันนี้เราจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นมาให้ และให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

ส่วนดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของดีเอสไอว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่เราจะเข้าไปพบพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ทางเรามีเจตนาว่าอยากให้ดีเอสไอรับคดีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากที่ผ่านมา การทำงานของตำรวจภูธรจังหวัด หรือตำรวจภูธรภาค 5 ไม่มีความคืบหน้า แต่หลังจากที่ได้เข้าพบ รองผบ.ตร. แล้ว ก็มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด มีการออกหมายเรียกและหมายจับ ทางครอบครัวผู้เสียหายก็มีความพึงพอใจ

“แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่นิดๆ ตำรวจในพื้นที่ ตำรวจภาค 5 ก็ดีเป็นตำรวจด้วยกันจับกุมด้วยกัน เราก็ยังกังวลใจบ้าง ที่สำคัญคือมีการเชื่อมโยงไปถึงผู้ใหญ่ในระดับจ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งในวันนี้ก็มีความพยายามโทรศัพท์ติดต่อคุณแม่ให้ไปพบผู้ใหญ่ในจังหวัด เราก็มีความกังวลใจว่าเป็นลักษณะอย่างนี้มันเป็นการข่มขู่คุกคามหรือไม่ ซึ่งเราก็จะหารือกับดีเอสไอในประเด็นนี้เพิ่มเติม” นายเกิดผล กล่าว

ทนายความ กล่าวต่อว่า สำหรับบุคคลที่พยายามโทรศัพท์มาติดต่อให้มารดาของด.ญ.เข้าไปพบนั้น เป็นผู้ที่เกี่ยวกับหน่วยงานความมั่นคง ซึ่งตนยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะเราไม่ได้คุยอะไรมาก เนื่องจากเป็นการโทรศัพท์ติดต่อมายังมารดาโดยตรง ทางมารดาจึงบอกว่าหากมีอะไรให้ติดต่อผ่านทนายความก่อน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมา ทำให้ยังไม่ทราบว่าจะคุยเรื่องอะไร โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทางตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทางมารดาก็ต้องการที่จะติดต่อขอให้ดีเอสไอดำเนินการคุ้มครองพยานด้วย

ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า สำหรับการที่มารดาของผู้เสียหายต้องการให้ดีเอสไอดำเนินการคุ้มครองพยานนั้น ในวันนี้เราจะรับเรื่องนี้ไว้สืบสวนตามกฎหมายของดีเอสไอ และจะมอบหมายให้พ.ต.ท.คมวิชช์ไปดูเรื่องการคุ้มครองพยาน ในกรณีที่เขาเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย ซึ่งดีเอสไอจะรีบพิจารณาให้เบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เราจะทำการตรวจสอบรายละเอียดว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ว่ามีหน่วยงานใดหรือบุคคลใดที่ได้ร่วมกันโทรศัพท์ติดต่อมายังผู้เสียหาย เพื่อที่จะได้รู้วัตถุประสงค์ว่าติดต่อมาเรื่องอะไร ส่วนจะเข้าข่ายเป็นการข่มขู่พยานหรือไม่ ขอให้เราได้พูดคุยกรายละเอียดทั้งหมดกับผู้เสียหายก่อน

รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อว่า กระบวนการของการเข้าเป็นคดีพิเศษ จะต้องเข้าตามมาตรา 21 คือ มีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน หรือมีผู้มีอิทธิพล ก็ได้พิจารณาเบื้องต้นตามสื่อที่มีอยู่ก็ถ้าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้อง มันก็จะเข้าสู่การเป็นคดีพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางตำรวจได้ดำเนินการคดีนี้ไปค่อนข้างรวดเร็วแล้ว โดยเราอาจจะมีการประสานขอข้อมูลไปยังตำรวจ เพื่อช่วยกันในเรื่องการสืบสวนและดำเนินการในเรื่องนี้ โดยขณะนี้ก็ให้ทางตำรวจได้ดำเนินการไปก่อน ส่วนเงื่อนของการจะเข้ามาเป็นคดีพิเศษ ก็ขอให้เข้าเงื่อนไขตามกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาไม่นาน ทั้งนี้ หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษก็จะรับข้อมูลทั้งหมดจากตำรวจมาเลย โดยงานจะไม่ทับซ้อนกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน