สลดสามีป่วยโรคพาร์กินสัน เครียดหนักถูกจนท.และผู้นำหมู่บ้านเข้าไปรุมต่อว่าถึงบ้าน เหตุภรรยาและลูกสาวออกมาร้องขอความช่วยเหลือไม่มีบัตรปชช.ทำให้ไร้สิทธิเป็นคนไทย ตัดสินใจใช้ผ้าขาวม้าผูกคอเสียชีวิตใต้ต้นมะขามหลังบ้าน ลูกสาวยันพ่อผูกคอตายเพราะเครียดถูกจนท.รุมต่อว่า

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรหนองไม้งาม อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีเหตุคนผูกคอเสียชีวิต ที่หมู่ 8 บ้านสายตรี 16 ต.หนองไม้งาม อ.บ้านกรวด จึงประสานแพทย์เวรฯ โรงพยาบาลและหน่วยกู้ภัยฯ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบศพนายต่วน สระประโคน อายุ 60 ปี ใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตัวเองเสียชีวิตใต้ต้นมะขามหลังบ้าน จากนั้นญาติและชาวบ้านช่วยกันนำร่างนายต่วนลงจากต้นไม้มาไว้ด้านล่าง ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพศพไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย

จากการสอบถาม น.ส.เจี๊ยบ อายุ 29 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิต ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า พ่อป่วยเป็นโรคพาร์กินสันมาหลายปีแล้ว ไม่สามารถทำงานหนักได้ แต่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ตามปกติ และเดินไปไหนมาไหนได้ สาเหตุที่พ่อคิดสั้นยืนยันว่าเกิดจากที่พ่อมีอาการเครียด ที่ถูกเจ้าหน้าที่และผู้นำชุมชนมารุมต่อว่าที่บ้าน เมื่อช่วงเย็นและช่วงค่ำวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา กรณีที่ตนเองและแม่ออกมาร้องขอความช่วยเหลือที่ไม่สามารถทำบัตรประจำตัวประชาชนได้ ทำให้เจ้าหน้าที่จากทางอำเภอและผู้นำหมู่บ้านไม่พอใจ มาต่อว่าพ่อ และแม่ที่บ้าน

ทั้งที่ความจริงแล้วก็ออกมาร้องขอความช่วยเหลือตามสิทธิ เพราะเดือดร้อนที่สมาชิกในครอบครัวถึง 4 คน คือ แม่ พี่ชาย ตัวเอง และลูกชาย ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ทำให้ไร้สิทธิในความเป็นไทย ไม่สามารถได้สิทธิรักษาฟรี ไม่มีบัตรเป็นหลักฐานไปทำงาน ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบากเท่านั้น แต่กลับมาถูกต่อว่าราวกับว่าไปสร้างปัญหาหรือภาระให้เขา

น.ส.เจี๊ยบ กล่าวอีกว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเอง อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะยืนยันว่าสาเหตุที่พ่อต้องคิดสั้นผูกคอเสียชีวิต เกิดจากที่พ่อเครียดที่ถูกเจ้าหน้าที่และผู้นำชุมชนต่อว่าแน่นอน ซึ่งตนเองมีหลักฐานทั้งข้อความที่โพสต์และคลิปเสียงเจ้าหน้าที่ต่อว่าเป็นหลักฐานด้วย ซึ่งสิ่งที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับครอบครัวของตนมองว่าไม่มีความเป็นธรรมเลย

ต่อมาน.ส.เจี๊ยบได้นำคลิปวิดีโอขณะเจ้าหน้าที่จากทางอำเภอ เข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงที่บ้านแต่ใช้คำพูดในลักษณะเชิงต่อว่า รวมถึงข้อความที่มีการแสดงความคิดเห็น และตอบโต้ทางโลกออนไลน์ในลักษณะต่อว่าออกมาเผยแพร่ เพราะเชื่อว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อเกิดอาการเครียด จนถึงขั้นคิดสั้นผูกคอเสียชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำชุมชนที่มีลักษณะเหมือนคนเมาแล้วเข้าไปต่อว่าลูกบ้านในยามวิกาล ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควร จึงอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นกรณีตัวอย่างในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะบางเรื่องชาวบ้านไม่รู้ขั้นตอน หรือช่องทางว่าจะต้องไปติดต่อประสานงานยังไง ก็อยากได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่รัฐอย่างจริงใจ

น.ส.เจี๊ยบ ยังกล่าวด้วยความน้อยใจอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้ต้องการจะเอาผิดกับใคร เพียงอยากให้เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนด้วยความจริงใจ อย่างเช่นสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเองเพราะเพียงคำพูดที่มาต่อว่าซ้ำเติม ก็ทำให้คนๆ หนึ่งถึงกับคิดสั้นฆ่าตัวตายได้

ด้านนางสุดใจ พิมพ์พันธ์ อายุ 54 ปี ชาวบ้าน บอกว่า ส่วนใหญ่ชาวบ้านในหมู่บ้านจะเป็นคนพลัดถิ่นมาจากอำเภอและจังหวัดอื่น ส่วนตัวเองก็ย้ายมาจาก อ.สตึก มาทำมาหากินอยู่ในหมู่บ้านนี้กว่า 30 ปีแล้ว หลังจากย้ายมาก็เห็นภรรยาและลูกย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวกับนายต่วน เมื่อปี 2539 ที่ผ่านมาเคยมีการทำประชาคมสอบถามความคิดเห็นและมติรับรองให้กับ นางน้อย ในการทำบัตรประชาชน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าจะรับรองเพราะไม่มีหลักฐานยืนยันตัวตนได้ แต่ส่วนตัวตนก็ไม่เชื่อว่านางน้อย และลูกจะเป็นคนต่างด้าว คาดว่าน่าจะตกหล่นหรือสมัยก่อนพ่อแม่ไม่ได้ใส่ใจที่เดินเรื่องทำบัตรประชาชนให้มากกว่า เพราะด้วยฐานะที่ยากจนทำให้ต่างคนต่างดิ้นรนทำมาหากิน

ขณะบรรยากาศที่บ้านก็เป็นไปด้วยความโศกเศร้าของครอบครัว ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนก็มาสอบถามถึงสาเหตุที่นายต่วน คิดสั้นผูกคอเสียชีวิต จนทำให้คนในครอบครัวพลอยเครียดไปตามๆ กัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน