นายกฯ ชูปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สร้างหลักคิด-เป็นแผนที่นำชีวิต สร้างตน สร้างประเทศ สร้างโลก เป็นฐานเชื่อมโยงนานาประเทศ ขอนำไปปรับใช้กันทั่วโลก บ่นไม่ค่อยอยากพูด แต่ที่ผ่านมาประชาชน ฟังแต่เรื่องไร้สาระมาพอแล้ว เตือนเสพสื่อ-โซเชียล ด้วยสติระบุความสัมพันธ์อาเซียนช่วงนี้ดีที่สุด ขอคนรุ่นใหม่ใส่ใจปัญหาโลก

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “เยาวชนอาเซียนเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระยุคลบาท” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพบปะของประเทศอาเซียนซึ่งอยู่ในโลกเดียวกัน เชื่อมโยงกันทั้งหมด แตกต่างเพียงภาษาวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ เราคือมวลมนุษยชาติ ต้องสร้างความเข้มแข็งให้เกิดการพัฒนาประเทศ พัฒนาเยาวชนให้เติบโตทันความเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสาร ในไม่กี่วินาทีก็สามารถสื่อสารกันได้ จนบางครั้งต้องถามว่ามันเร็วไปหรือไม่ จึงต้องหาแผนที่นำทางชีวิตให้ชีวิตให้ประเทศตัวเอง โครงการนี้ทำให้เห็นว่าทุกคนคือทรัพยากรที่มีค่าของประเทศในอนาคต ต้องเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกตั้งแต่บัดนี้

“เพราะโลกเปลี่ยนแปลงทุกวินาที เราก็ต้องตามให้ทัน ต้องมีกระบวนการในการคิด ไม่ใช่ปล่อยให้ไปอยู่แต่ในเทคโนโลยี ซึ่งบางครั้งเป็นอันตรายต่อทุกประเทศ จะเห็นว่าเป็นปัญหาทั้งเรื่องการปกครอง บริหารงานแผ่นดิน การพัฒนาด้วยโซเชียลมีเดีย บางครั้งไม่สามารถตรวจสอบความชัดเจนได้ในทันที ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนที่เป็นคนรุ่งใหม่ที่ต้องทันสมัย พอมีปัญหาถามแต่ยูทูป ดูแต่กูเกิล ทำให้กระบวนการคิดนั้นหายไป ดังนั้น ที่ไทยใช้อยู่ทุกวันนี้คือต้องสร้างกระบวนการเรียนรู้ใหม่ให้ได้โดยไม่ทิ้งของเก่า คือปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประวัติศาสตร์มีไว้เพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างความขัดแย้ง แต่เพื่อสร้างความภาคภูมิใจ สร้างกระบวนการคิด วางแผนสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อการพัฒนาประเทศและพัฒนาโลกให้มีความยั่งยืน ตามแผนพัฒนาขององค์การสหประชาชาติ” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ขอให้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จากประเทศไทยไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ศึกษา ทำต่อเนื่องให้เกิดความเคยชิน ไม่ต้องบังคับไม่ต้องมีกฎหมาย เพราะโลกใบนี้เราใช้กฎหมายกันมามากพอแล้ว และเกิดความขัดแย้งพอสมควร แต่เราต้องทำให้ประชาชนทุกคนมีจิตสำนึกว่าทำอย่างไรให้ประเทศชาติเกิดความสงบ ปลอดภัย โดยไม่ได้มองแค่ตัวเอง แต่ต้องนึกถึงคนอื่น ขยายออกไปเรื่อยๆ จนเกิดความยั่งยืน อย่าให้การมาพบปะกันครั้งนี้เป็นเพียงการเสียเวลาที่เดินทางไกลมา ตนไม่ต้องการภาพ หรือเพียงพิธีกรรมอะไร แต่ตนต้องการสาระในการประชุม พบปะ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ถือว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 10 ประเทศในอาเซียนดีที่สุด ดีกว่าช่วงที่ผ่านมา โดยอาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชากรจำนวนมาก เป็นทั้งตลาดและแหล่งวัตถุดิบ ส่วนบางประเทศที่เข้มแข็งก็เป็นเทคโนโลยี เราอย่ามองแค่อาเซียนให้มองไปสู่ เอซีดี จี 77 ตรงนี้คือสิ่งที่ต้องเชื่อมโยงจึงจะเรียกว่าพัฒนาประเทศให้ได้ผลและยั่งยืน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พบปะเจอหน้ากันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่เจอหน้ากันก็ขัดแย้ง เจอหน้าก็ไม่ชอบกัน ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะทุกคนคือมนุษยชาติ หน้าที่ทุกคนต้องทำเพื่อคนอื่นด้วย ทุกคนที่มาร่วมกันทำงานเป็นประวัติศาสตร์ของทุกประเทศ ในการที่จะทำให้ประเทศมั่นคงแข็งแรง นั่นคือวัตถุประสงค์หลัก โดยเราพร้อมจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับท่าน เรามีประสบการณ์บางอย่างที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน อย่างปราศจากความขัดแย้ง และไปเตรียมต่อสู้กับสภาวะโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง

นายกฯ กล่าวว่า เราต้องมีความพอประมาณ มีเงินมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย มันต้องมีโรดแมปมีขั้นตอนในการทำงานในทุกกิจกรรมของท่าน ไม่ว่าจะในครัวเรือน สถานประกอบการ หรือประเทศชาติ มันต้องมีโรดแม็ปถึงเรียกว่ามียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ว่าเราจะมองประเทศเราอยู่ตรงไหนในเวทีโลก ทุกคนต้องไม่เหลื่อมล้ำกันมากนัก โลกนี้ไม่มีอะไรที่เข้ากันได้ มีอย่างเดียวคืออยู่ใต้กฎหมายเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่ประเทศมหาอำนาจเคยพูดไว้ในอดีตที่ผ่านมา ต้องลดช่องว่าทางรายได้ อาชีพ การศึกษา และทางความคิด ลดช่องว่างให้มันเล็กลง เมื่อลดแล้วรายได้ประเทศก็มากขึ้น เมื่อมากขึ้นก็นำมาพัฒนากับประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การเงิน การคลังของโลกมีปัญหา เรื่องเศรษฐกิจก็มีปัญหาอีกแล้วเราเตรียมมาตรการรองรับความเสี่ยงเพียงพอหรือยัง ถ้าไม่พอต้องมาคิดใหม่ ตรงนี้เป็นหลักการสำคัญ เราจะทำอย่างไรให้ประเทศชาติเราแข็งแรงและของทุกประเทศด้วย ทั้งๆ ที่เรามีพื้นฐาน มีอัตลักษณ์ มีนิสัยใจคอที่แตกต่างกันอยู่บ้าง เพราะเราเป็นอาเซียนแต่คนละประเทศ แต่สามารถรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวได้ ก็คือประเทศและประชาชนของท่าน นั่นคือสิ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายสุดท้าย แล้วมันจะย้อนกลับมาดีเอง ถ้าเราคิดถึงอนาคต คิดถึงประเทศ มันจะเกิดความเชื่อมโยงระหว่างกัน ไม่มีประเทศไหนที่ทำให้ข้างล่างดีอย่างเดียว แล้วปล่อยตรงกลางกับข้างบนไว้ ทั้งหมดนี้คือห่วงโซ่คุณค่าด้วยกันทั้งสิ้น ต้องมองทั้งหมด คนรุ่นใหม่ก็ต้องมองแบบนี้ด้วย

นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดมาทั้งหมด ตนได้ไปพูดบนเวทีโลกกับผู้นำหลายประเทศแล้ว และเป็นที่ทราบกันดีว่าหลายประเทศอย่างน้อย 28 ประเทศนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ โดยการประยุกต์ให้ตรงกับพื้นที่และลมฟ้าอากาศในแต่ละประเทศ เพราะผู้นำแต่ละประเทศก็เก่งอยู่แล้ว เพียงแค่เอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปเสริมให้การบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีธรรมาภิบาล รวมถึงมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงโลกของเราได้นอกจากตัวเราเอง รวมถึงต้องคำนึงว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรไม่ให้เกิดการสูญเสียและมีการบาดเจ็บตาย นี่คือประเด็นสำคัญของโลกในเวลานี้คือการป้องกันดีกว่าแก้ไข เพราะการใช้อาวุธนั้นแก้ไขปัญหาไม่ได้ ดังนั้นเราจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงความคิดและการสร้างผู้นำรุ่นใหม่

“หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไขเราต้องเข้าใจให้ชัดและตรงกัน เพราะผมไปบังคับใครไม่ได้ แต่ผมคิดว่าสิ่งนี้ถือเป็นรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานมาให้คนไทยและชาวโลก ไปที่ไหนผมพยายามพูดเรื่องนี้ เพราะอยากให้พวกเราคิดด้วยกัน ขอให้อย่าเพิ่งเบื่อ เพราะเราเสียเวลาฟังเรื่องไม่เป็นเรื่องมันนานแล้ว ลองฟังผมพูดบ้างว่ามีประโยชน์ หรือน่ารำคาญก็ลองไปคิดเอา เชื่อหรือไม่ผมพูดมา ผมเสียสมองไปเยอะ ใครจะบ้าอยากพูดอย่างเดียวเพราะวันๆ ผมแทบจะไม่อยากพูด แต่ก็ต้องพูด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อตนพูดจบแล้วขอให้นำกลับไปคิดพิจารณา และไม่ต้องเขียนชื่นชมประเทศไทย ขอให้เขียนว่าหลักการที่พูดทั้งหมดสามารถนำไปใช้กับประเทศของท่านตรงไหนได้บ้าง มีการจัดสรรงบประมาณให้เข้ากับประเทศของท่านอย่างไร เพราะงบประมาณก็มาจากเงินของพวกท่าน จะได้เป็นกำลังใจและแนวทางในการจัดครั้งต่อไป งานครั้งนี้จัด 14 วันคงสนุก จะมีน่าเบื่อก็ตรงที่ฟังตนพูดอย่างเดียวไม่เป็นไร ตนยอม ตนยอมตายให้อยู่แล้วในทุกเรื่อง แต่ตนขอให้ทำทุกอย่างให้เป็นประโยชน์ เพราะเราเสียทั้งเวลาเสียทั้งเงินค่าใช้จ่ายเดินทางมาสร้างมลภาวะไปเท่าไหร่ นั่งเครื่องบินมาแต่จะตอบแทนโลกได้อย่างไร ลองกลับไปคิด ต้องลองไปคิดว่าจะต่อโลกอย่างไร ใครจะไปรู้ว่าโลกจะอยู่ถึงเมื่อไหร่ แต่ขอให้อย่าลืมว่าเราจะต้องลดการแข่งขันและเพิ่มขีดความสามารถ เพราะเราคือแหล่งผลิตทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญเราได้เปรียบทั้งสิ้น ได้โปรดอย่าทำให้สนามการค้าเราเป็นสนามรบ เพราะเราต้องทำทุกอย่างให้สงบด้วยความช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

“การที่เราเสพสื่อและโซเชียลมีเดียอย่างเดียว สิ่งเหล่านี้คืออันตรายของทั้งโลก ผมไปประชุมที่ไหน ปัญหาที่ผู้นำทั่วโลกพูดถึงคืออันตรายที่เกิดจากไซเบอร์ เพราะเราหาแหล่งที่มาไม่ได้ ตรวจสอบไม่ได้ กว่าจะตรวจสอบพบก็เสียหายไปแล้ว นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องสร้างจิตสำนึกของการเป็นสื่อที่ดี เป็นนักโซเชียลมีเดียที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่มีใครสู้ท่านได้ ถ้าท่านเขียนอะไรมา เพราะถือว่าเป็นสิทธิมนุษยชนเราจะไปบังคับไม่ได้ แต่ต้องท่านบังคับตัวเองว่าเราจะเขียนอะไร วิจารณ์ใครนั้นเรามีข้อมูลเพียงพอหรือยัง ไม่ใช่ใครส่งมาก็ส่งต่อ แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เสียหายไปถึงเวทีโลก ปัญหาของใครก็ของใคร ปัญหาภายในประเทศก็แก้กันภายในประเทศให้ได้ ไม่ใช่เอาปัญหาภายในประเทศมาให้คนอื่นเขาแก้ ผมว่าเราไม่ควรดูถูกตัวเอง เพราะทุกประเทศมีขีดความสามารถของตัวเอง เรื่องเศรษฐกิจก็ว่าจะไป ส่วนเรื่องความมั่นคงก็อีกเรื่องหนึ่ง” นายกฯกล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน