เมื่อเวลา 00.40 น. วันที่ 12 พ.ค. ร.ต.อ.ชาญชล พรหมชนะ ร้อยเวรสอบสวน สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายว่า ถูกคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจค้นและฉกเอาทรัพย์สินไป เหตุเกิดบริเวณทางโค้งปากซอยพหลโยธิน 75 หมู่ 16 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.คูคต จ.ปทุมธานี

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียหาย ทราบชื่อ คือ น.ส.ชนาภา ประเสริฐศรี อายุ 53 ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี เป็นแม่ค้าขายผักสดอยู่ในตลาดสี่มุมเมือง ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยอาการตื่นตกใจ พร้อมกับยืนอยู่ข้างรถจยย. ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีดำแดง ทะเบียน 3กภ 6539 กทม. ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย แต่ไม่มีกุญแจรถเนื่องจากถูกคนร้ายนำไปด้วย คนร้ายเป็นชาย จำนวน 1 คน รูปร่างท้วมสูง แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเครื่องแบบ ใส่หมวกกันน็อกสีดำมีผ้าปิดปากและใส่เสื้อคลุมสีดำ ฉกทรัพย์สินไปเป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท

น.ส.ชนาภา ให้การว่า ตนเองเป็นแม่ค้าขายผักสดอยู่ที่ตลาดสี่มุมเมือง เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า ตนเองรู้สึกปวดหัว ไม่สบาย จึงได้ขับรถจยย.กลับบ้านกับหลานวัย 5 ขวบ โดยได้ขับรถจยย.ย้อนศร จากตลาดสี่มุมเมืองเพื่อเข้าหมู่บ้านรณชัย แต่เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงโค้ง ได้พบกับชายคนหนึ่ง รูปร่างท้วมสูง แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเครื่องแบบ ใส่หมวกกันน็อกสีดำ มีผ้าปิดปากและใส่เสื้อคลุมสีดำ เรียกให้ตนเองจอด พร้อมแจ้งว่า ขับรถย้อนศรผิดกฎจราจร และจากนั้นได้ขอตรวจค้นที่กระเป๋าคาดเอวของตน และเมื่อตนเองเปิดกระเป๋าคาดเอว ทำให้เห็นเงินสดอยู่ในกระเป๋า

คนร้ายจึงพูดว่า ทำไมพกเงินเยอะจัง ทำอะไรมา ฟอกเงินหรือเปล่า ซึ่งขณะนั้นตนเองก็ได้แจ้งว่า เป็นแม่ค้าอยู่ที่ตลาดสี่มุมเมือง ไม่สบายจะกลับบ้านกับหลาน เลยขอย้อนศรหน่อย แต่จังหวะนั้นชายคนดังกล่าวก็ได้แย่งหยิบเงินไปจากกระเป๋าคาดเอวของตน ตนเองก็พยายามดึงแย่งเงินของตัวเอง แต่ชายคนดังกล่าวก็พูดว่าเรื่องเยอะนะ พร้อมถลกเสื้อข้างขวาให้เป็นปืนที่เหน็บไว้ที่เอว ตนเองจึงได้หยุดแย่งเงิน จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ได้นำกุญแจรถของตนเองไป และขับรถจยย.ไม่ทราบรุ่นสี ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางรังสิต จึงคิดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ชายคนดังกว่าก็ได้นำกุญแจรถจยย.ของตนไปด้วย พร้อมกับรถจยย.ของคนร้ายไม่ทราบรุ่นสียี่ห้อขับหนีมุ่งหน้าไปทางรังสิต เมื่อตนเห็นว่าทำอะไรไม่ได้แล้วจึงรีบโทรหาลูกชายให้ออกมาหาที่ทางเข้าหน้าหมู่บ้านเพื่อแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นช่วงโค้งและเป็นทางเปลี่ยว คนร้ายลงมือก่อเหตุในช่วงบริเวณดังกล่าว โดยเห็นว่าเส้นทางนี้มักจะมีพ่อค้าแม่ค้าในตลาดขับรถย้อนศรกันบ่อยครั้ง จังหวะนั้นมีเหยื่อขับรถย้อนศรมาพอดีกับเด็ก จึงลงมือก่อเหตุ โชคดีที่ไม่มีการทำร้ายทั้งผู้เสียหายและเด็ก ได้เพียงทรัพย์สินไปเท่านั้น อย่างไรก็ตามจะได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวคนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเรียกตรวจค้น ฉกเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไป ซึ่งจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน