น้ำตาท่วม! พ่อแม่ ผู้กองปุ๊ ภูมิใจลูกตายเพื่อชาติ เข้ากรุงรับศพ เผยคำสั่งเสียก่อนพลีชีพ เผยยังรับไม่ได้กับการเสียลูกชาย เกิดชาติหน้าก็ขอให้ทำดีต่อไป

ผู้กองปุ๊ / เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่บ้านเลขที่ 19 หมู่บ้านดงมะตืน หมู่ 7 ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของ ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา อายุ 35 ปี ผบ.หมวด (สบ 1) กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. สังกัดอรินทราช 26 ซึ่งเสียชีวิตจากการถูก คนร้ายยิงขณะเข้าไประงับเหตุที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช จ.นครราชสีมา เมื่อคืนที่ผ่านมา

นายก๋วน และนางเพียรศรี พ่อและแม่ของ ร.ต.อ.ตระกูล

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่

เพิ่มเพื่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าหมอง โดยบ้านหลังดังกล่าวมี นายก๋วน ทาอาษา อายุ 62 ปี และนางเพียรศรี อายุ 56 ปี พ่อและแม่ของ ร.ต.อ.ตระกูล อาศัยอยู่และทั้งคู่ ต่างอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ

ขณะที่บรรดาญาติและเพื่อนบ้านต่างพากันไปให้กำลังใจและปลอบประโลมตลอดทั้งวัน ทั้งนี้นายก๋วนและนางเพียรศรี ได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว ซึ่งทั้งคู่ต่างตื่นตกใจและยังมีอาการรับไม่ได้ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็พยายามเข้มแข็ง โดยญาติและเพื่อนบ้านดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งพากันนำรูปถ่ายของ ร.ต.อ.ตระกูล ตั้งแต่ยังเรียนหลักสูตรนายสิบตำรวจ (นสต.) ที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจ ภ.9 จ.ยะลา และเข้ารับราชการตั้งแต่ยังมียศเป็น ส.ต.ต. ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เมื่อปี 2550 กระทั่งเลื่อนชั้นเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรเมื่อทำงานได้เพียง 5 ปี นอกจากนี้ ยังพบว่ามีข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของ สภ.เวียงชัย และ ภ.เชียงราย ก็เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจ นายก๋วนและนางเพียรศรีอีกด้วย

นายก๋วน กล่าวว่า ร.ต.อ.ตระกูลมีน้องชายอยู่อีก 1 คน ปัจจุบันก็กำลังจะเรียนจบหลักสูตรตำรวจเหมือนกับพี่ชาย โดยน้องชายเป็นคนโทรศัพท์มาบอกข่าวการเสียชีวิตของพี่ชายของเขา ซึ่งหลังจากตนและนางเพียรศรีทราบข่าวก็เสียใจอย่างมาก และทำตัวไม่ถูก ยังดีที่มีญาติและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวพากันเข้าไปให้กำลังใจ ทำให้ดีขึ้นบ้าง และรู้สึกภาคภูมิใจในลูกชายที่ได้ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเขาเป็นคนที่รักในอาชีพเป็นตำรวจมากตั้งแต่เด็ก โดยพยายามเล่าเรียนจนถึงขั้นเคยไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้ว เต่เขาไม่ค่อยเล่าเรื่องการทำงานให้พ่อแม่ฟัง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ประสบพบเจอมา เพราะกลัวว่าผู้เป็นแม่คือนางเพียรศรีจะเป็นห่วง แต่จะเล่าเรื่องราวให้กับน้องชายของเขาฟังแทน

นายก๋วน กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 วัน ร.ต.อ.ตระกูล ยังโทรศัพท์ไปหาตนเป็นครั้งสุดท้าย โดยตนยังทำงานอยู่ในสวนยางพาราที่ปลูกเอาไว้ประมาณ 7 ไร่ โดยเขาบอกว่าเป็นห่วงพ่อแม่ จึงอยากให้ขายสวนยางดังกล่าวเสีย จะได้ไม่ต้องทำงานหนัก และนำเงินมาเลี้ยงดูตัวเองได้ จากนั้นเขาก็กลับไปทำงาน กระทั่งมาเกิดเรื่องร้ายในครั้งนี้ดังกล่าว ส่วนศพของลูกชายนั้น ตนและนางเพียรศรีจะเดินทางไปรับด้วยตัวเอง โดยเดินทางทางเครื่องบินจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ไปยังกทม. ในเย็นวันเดียวกันนี้และตั้งใจว่าจะนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดภายในหมู่บ้านต่อไป แต่กำหนดการณ์จะเป็นอย่างไรนั้น ก็คงขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาของลูกชายที่จะจัดการให้ต่อไป

ด้าน นางเพียรศรี ซึ่งร้องไห้อยู่ตลอดเวลา กล่าวว่า ลูกชายตั้งใจเรียนมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก โดยเรียนหนังสือในโรงเรียนท้องถิ่น ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้ใด ทำงานช่วยเหลือพ่อแม่มาโดยตลอด เมื่อโตขึ้นก็ถือเป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะดูแลทั้งพ่อแม่และน้องชายอีก 1 คน ขณะที่ตัวเองก็ยังไม่มีครอบครัว โดยมีเพียงแฟนสาวที่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ที่ผ่านมาลูกชายจะอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือที่ทำงานของเขาโดยนานๆ ครั้งจึงจะมีโอกาสกลับบ้าน แต่จะส่งเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวอยู่เสมอ ที่ผ่านมาแม้เขาจะไม่พยายามบอกเล่าเกี่ยวกับอันตรายในการทำงาน แต่ตนก็เป็นห่วง เพราะเมื่อครั้นทำงานที่จ.ยะลา เพื่อนของเขาก็เคยเสียชีวิตมาแล้ว ตนจึงเคยบอกให้หันไปทำงานเกี่ยวกับสำนักงาน ซึ่งเขาก็บอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทำงานรับใช้ชาติ ก็ต้องมีความเสี่ยงบ้าง

“หากซื้อชีวิตลูกชายกลับมาเท่าไหร่ก็จะซื้อ เพราะเขาเหมือนเสาหลักของครอบครัว แต่ต้องมาต้องจากไปก่อนวัยอันควร อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้วทางครอบครัวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ จะย้อนเวลากลับไปก็ไม่ได้แล้วก็ต้องพยายามทำใจ แต่ก็ภูมิใจที่ลูกชายเสียชีวิตในขณะรับใช้ประเทศชาติและประชาชน หากเกิดชาติหน้าก็ขอให้เขาทำดีต่อไป” นางเพียรศรี กล่าวทั้งน้ำตา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน