กรณีการจับกุมอาวุธสงคราม ที่ส่งผ่านพัสดุภัณฑ์ของบริษัทรับส่งพัสดุเอกชนนั้น เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้รับคดีไปดำเนินการสอบสวน ขณะนี้ฝ่ายทหารได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 12 คน เป็นซึ่งเป็นทหาร 7 นาย และพลเรือน 5 คน ไว้ดำเนินคดี โดยผู้ต้องหารับสารภาพด้วยว่าอาวุธสงครามทั้งหมดขโมยมาจากคลังอาวุธของกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ (ช.พัน.1 รอ.) แล้วนำส่งขายไปทั่วประเทศ นอกจากนี้จากการจับกุมผู้ต้องหาแล้วก็ยังบุกเข้าตรวจค้น เป้าหมายต้องสงสัย 2 แห่ง ที่จ.สมุทรสาคร และจ.จันทบุรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว จับแล้ว-แก๊งส่งบึ้ม “7 ทหาร” กับพลเรือนอีก5 รท.-นายสิบ-พลทหาร ขโมยจาก”ช.พัน.1 รอ.” แฉทำมาแล้วถึง22ครั้ง คดีขนอาวุธพบปืนเพิ่ม ซุกแชสซีเรนจ์โรเวอร์

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 มิ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวผู้ต้องหาขบวนการส่งวัตถุระเบิดผ่านไปรษณีย์ บริษัทเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ทั้งหมด 10 คน เป็นทหาร 5 นาย และพลเรือน 5 นาย พร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ อาวุธปืน และเครื่องกระสุน มาส่งมอบให้พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รองผู้บังคับการปราบปราม หลังควบคุมตัวไว้ที่มณฑลทหารบกที่ 11 ครบ 7 วัน

โดยคดีดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นหลังจากตำรวจพบว่ามีผู้ส่งวัตถุระเบิดผ่านบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส สาขาบางเขน ตรวจสอบพบว่าผู้ส่งเป็นทหารยศ “สิบโท” ก่อนจะขยายผลตรวจสอบพบมีการลักลอบขนอาวุธ 22 จุด ใน 15 จังหวัด และได้ควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดรวม 18 คนไปสอบสวนที่มณฑลทหารบกที่ 11

ต่อมานายทหารพระธรรมนูญเดินทางมาแจ้งความกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้จำหน่าย ผู้จัดหา รวมถึงผู้สั่งซื้อในกระบวนการทั้งหมด ในข้อหา “มีอาวุธปืนและวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้โดยผิดกฎหมาย” นำไปสู่การออกหมายจับ 12 ราย เป็นทหาร 7 ราย และพลเรือน 5 ราย ประกอบด้วย ร้อยโทสันติ นามวิเศษ, จ่าสิบเอกประดิพัทธ์ เสน่ห์ดี, จ่าสิบเอกฉัตรชัย เอี่ยมสมบูรณ์, จ่าสิบเอกพลหงส์ศาสตร์ (ไม่ทราบนามสกุล), จ่าสิบเอกธนากรณ์ บุญกาญจน์, สิบเอกสุทธิโชค ไพเราะ, พลทหาร สกลนที พรหมทอง, นายเกษมสุข นามศรี, นายสิทธิชัย ทองเชื้อ, นายณัฐพล อยู่ยืด, นายณัฐพงศ์ ทองคำพันธุ์ และนายศักดิ์สิทธิ์ จันทาป

ภายหลังการสอบสวน พ.ต.อ.สันติ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า พวกตนเปิดเพจกลุ่มในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นกลุ่มปิด และกลุ่มในแอพพลิเคชั่นไลน์ เพื่อเป็นการสื่อสารกันเองในกลุ่ม เมื่อมีลูกค้าโพสต์ขอซื้อลูกระเบิด หรืออาวุธต่างๆก็จะช่วยกันประสานกับกลุ่มผู้ต้องหาคนอื่นๆเพื่อจัดหาสินค้าไปขายหรือส่งให้กับลูกค้า ในการการสอบสวนยังไม่พบว่าวัตถุระเบิดหรือเครื่องกระสุนที่กลุ่มผู้ต้องหานำมาขาย จะถูกนำไปใช้ก่อเหตุความรุนแรง หรือเชื่อมโยงกับเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ หรือกลุ่มผู้ค้าอาวุธตามแนวชายแดนแต่อย่างใดทั้งสิ้น

พ.ต.อ.สันติ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นจะแยกการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือ ข้อหา ผู้จัดหาวัตถุระเบิด คือ จ.ส.อ.ฉัตรชัย ในฐานความผิด ตามมาตรา 147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย, ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 และครองครองและจำหน่ายอาวุธสงคราม

ส่วนที่ 2 ก็คือ จ.ส.อ.ประดิพัทธ์ และ จ.ส.อ.ธนากรณ์ ซึ่งพบว่าเป็นผู้จำหน่ายวัตถุระเบิด ก็ได้แจ้งข้อหาในฐานความผิดร่วมกันสนับสนุนตามมาตรา 147 และ 157 รวมทั้งในฐานความผิดร่วมกันครองครองและจำหน่ายอาวุธสงคราม

ส่วนที่ 3 ก็คือผู้ต้องหาที่เหลือ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อ ก็จะดำเนินคดีฐานความผิด ซื้อและครอบครองอาวุธสงคราม อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 17 คน เป็นพลเรือน 10 คน ทหาร 7 ราย ถูกควบคุมตัวไว้ที่กองปราบฯ แล้ว 12 คน อยู่ระหว่างถูกส่งตัวมาให้อีก 2 ราย คือนายประชิดชัย สุดสกุล และสตต.กฤตภาส ยิ้มละมัย

พ.ต.อ.สันติ กล่าวต่ออีกว่า ที่เหลืออีก 3 รายคือ นายอิสระ อินทร์จันทร์ ถูกดำเนินคดีที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายนเรนทร์ฤทธิ์ ทองสีทอง ถูกดำเนินคดีที่ สภ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ส.อ.พลหงษ์ศาสน์ เสนาวงษ์ ถูกดำเนินคดีที่ จ.พิษณุโลก ซึ่งก็จะไปขออายัดตัวมาดำเนินคดีต่อไป สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกคุมตัวไว้ที่กองปราบปราม นั้นจะไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังในวันที่ 10 มิ.ย. ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน