รองโฆษก ตร. เผยผู้ร่วมพิธี ร่างทรง ล้วงหน้าอก-ของลับ เพื่อไล่ผี หากไม่ยินยอมสามารถแจ้งความได้ เข้าข่ายอนาจาร ระบุหากมีเจตนาหลอกลวงเข้าข่ย ฉ้อโกงประชาชน

วันที่ 11 พ.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงกรณีสื่อโซลเชียลมีเดียมีการนำคลิปวิดีโอระบุข้อความว่า “เป็นพิธีกรรมไล่ผี” ซึ่งปรากฏภาพของชายคนหนึ่งแต่งกายคล้ายหมอแก้คุณไสย ถือมีดในมือ ราดน้ำมนต์ลงไปในตัวหญิงสาว ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องนุ่งผ้าถุง และทุกคนจะถูกล้วงเข้าไปจับหน้าอก และล้วงเข้าไปที่ใต้ชายผ้าถุงนั้น

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า จากกรณีดังกล่าว หากมีผู้เข้าร่วมพิธีได้รับความเสียหาย สามารถมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่เกี่ยวข้อง ให้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานตามขั้นตอนของกฎหมายได้

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า โดยการกระทำดังกล่าว หากผู้เสียหายไม่ยินยอม อาจเข้าข่ายความผิดฐาน “กระทำอนาจาร” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 หรือ หากผู้เสียหายอายุยังไม่เกิน 15 ปี ถึงจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 มีโทษจําคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

รองโฆษก ตร. กล่าวว่า สำหรับการรักษาโรคด้วยวิธีไสยศาสตร์ ซึ่งเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล ที่อาศัยความเชื่อศรัทธา อาจแฝงตัวมาในลักษณะมิจฉาชีพ เพื่อมาหลอกลวง ทำให้เกิดความหลงเชื่อและเกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ อันจะมีความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หรือหากมีเจตนาหลอกหลวงคนทั่วไป ผ่านการโฆษณาต่าง ๆ ซึ่งเพื่อประโยชน์ตนเองโดยตรง ก็ถือว่า เข้าข่ายความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“ในเรื่องนี้ถือเป็นวิจารณญาณส่วนบุคคล คงต้องฝากไว้ให้ไปพิจารณาไตร่ตรองกัน ระหว่างไสยศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ อะไรที่สามารถพิสูจน์และน่าเชื่อถือได้ การหาข้อเท็จจริง ไขข้อสงสัย ด้วยกระบวนการที่เป็นเหตุเป็นผล กับตำนาน สิ่งลี้ลับ ความเชื่อ ความงมงาย ที่มักจะแฝงตัวมาในลักษณะมิจฉาชีพ ซึ่งที่ผ่านมาในหลายๆคดี ก็มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับพวกหมอผีร่างทรงต่าง ๆ มาโดยตลอด” พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว

ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อมูลเบาะแสหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถโทรได้ที่หมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง

__________________________________________________

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน