ทีมแพทย์ รักษาน้อง “น้องอมยิ้ม-น้องอิ่มบุญ” แฉพฤติกรรม แม่ปุ๊ก หลังลูกอาเจียนหนัก แต่ดันมันแต่หยิบมือถือมาถ่าย เชื่อมีผู้ร่วมกระบวนการมากกว่า 1 คน

จากกรณีจับกุม น.ส.นิษฐา (ขอสงวนนามสกุล) หรือ แม่ปุ๊ก อายุ 29 ปี หลังจากพบพฤติกรรมต้องสงสัยว่า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้ ด.ช.อิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ บุตรแท้ๆ และ ด.ญ.อมยิ้ม อายุ 4 ขวบ บุตรบุญธรรม ล้มป่วยด้วยอาการผิดปกติ เพื่อสร้างเรื่องให้ดูน่าสงสารในการหลอกเอาเงินจากคนอื่น ทำให้ ด.ญ.อมยิ้ม เสียชีวิต ส่วนด.ช.อิ่มบุญ ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 พ.ค. ทีมแพทย์ผู้รักษาน้องอมยิ้ม และน้องอิ่มบุญ เปิดเผยว่า ผลตรวจอาการป่วยของน้องอมยิ้มและน้องอิ่มบุญ มีสิ่งที่เหมือนกันคือการพบสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เชื่อว่าน่าจะถูกผสมลงไปในอาหารและเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่น่ากลัวคือสารดังกล่าวเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างมากจนเกินไป จนไปทำลายอวัยวะภายใน ซึ่งปริมาณสารเคมีที่ทั้ง 2 คนได้รับนั้น แตกต่างกันออกไป

ทีมแพทย์ กล่าวต่อว่า กรณีน้องอิ่มบุญนั้น เชื่อว่าน่าจะได้รับสารเคมีในปริมาณที่มากกว่า จนทำให้อาการที่แสดงออกมานั้นดูหนักและรุนแรงกว่าอาการของคนที่แพ้อาหารทะเล นั่นเป็นเหตุผลที่ให้เชื่อได้ว่าสารที่ได้รับเป็นสารกัดกร่อน เรื่องนี้นำไปสู่ตรวจสอบย้อนหลังถึงอาการป่วยของน้องอมยิ้มที่มีลักษณะคล้ายกัน

ทีมแพทย์ กล่าวอีกว่า ซึ่งเชื่อว่าน่าจะได้รับสารเคมีในปริมาณน้อยกว่า จึงมีอาการที่คล้ายกับคนแพ้อาหารทะเล แต่ได้สารต่อเนื่องในระยะเวลาที่นานกว่า ทำให้แพทย์รักษาทุกวิถีทางก็ไม่หายขาด ซึ่งแพทย์พยายามตรวจหาสาเหตุอาการป่วยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการส่องกล้อง และตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางห้องแล็บหลายครั้งก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุโรคดังกล่าวได้ จนสุดท้ายต้องเสียน้องอมยิ้มไป

“ส่วนพฤติกรรมของแม่ปุ๊กเป็นที่น่าสงสัย ขณะที่น้องอิ่มบุญมีอาการป่วยหนักจนถึงขั้นอาเจียนออกมาเป็นเลือดแทบสลบ ทีมแพทย์กำลังเร่งช่วยเหลือรักษาพยาบาลยื้อชีวิต แต่ผู้เป็นแม่ที่ควรจะต้องวิ่งมาดูอาการลูก ถามไถ่ กลับคว้าโทรศัพท์มือขึ้นมาถ่ายคลิปอาการของลูกแทน จึงกลายเป็นอีก 1 ข้อคลางแคลงใจที่ทีมแพทย์เริ่มจับสังเกตและไม่ไว้ใจแม่ปุ๊กว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของเด็กทั้ง 2 หรือไม่” ทีมแพทย์ กล่าว

ทีมแพทย์ กล่าวด้วยว่า แต่หลักฐานอ้างอิงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผลทางการแพทย์ หรือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์ ที่ค่อนข้างชัดเจน มั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดผู้ก่อเหตุได้ เชื่อว่ากรณีนี้อาจจะไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว น่าจะมีผู้ร่วมกระบวนการมากกว่า 1 คน ซึ่ง 1 ในนั้นมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นพ่อของเเม่ปุ๊ก

________________________________________________________

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน