หมอทวีศิลป์ เผย จับตา ศบค.ย่อยชุดเลขาสมช. จ่อผ่อนคลายกิจการ-กิจกรรมจำนวนมาก เปรยมีโซนสีแดงได้ คลายล็อกเฟส3 ด้วย ขอทุกปรับตัว

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ตอบข้อซักถามถึงกรณีการคลายล็อกในระยะที่ 3 ที่ยังมีความสับสนอยู่ในขณะนี้ ศบค.ชัดเจนอย่างไร ว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการเฉพาะกิจการพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพทยระบาดโรค โควิด-19 จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาผ่อนคลายชุดกิจการกิจกรรมในระยะที่สาม

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า โดยแว่ว ๆ ว่าจะมีกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับการผ่อนคลายจำนวนมาก เพราะบรรยากาศขณะนี้เพื่อให้มีการผ่อนคลายได้มากขึ้น จากนโยบายของผอ.ศบค. ที่ได้ให้ไว้ต่อที่ประชุมศบค.ครั้งก่อนแล้วว่าต้องการให้เปิดกิจการและกิจกรรมผ่อนคลายให้ได้จำนวนมากเพราะทราบดีถึงความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากที่ต้องกลับมาฟื้นกิจการ และสถานการณ์ของเราก็ตอบแทนที่ทุกคนดูแลสุขลักษณะส่วนตัวและภาพรวมของสังคมได้อย่างดี

โฆษก ศบค. กล่าวอีกว่า และแว่ว ๆ จะมีกิจการกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับการผ่อนคลายด้วย แต่ตนบอกไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งที่ประชุมย่อยที่ได้ประชุมกันเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้บอกกันว่ามีเป็นจำนวนมาก แต่จากขนาดไหนขอให้รอดูจากเลขาฯสมช. และในที่ประชุมได้ระบุกันว่าจะต้องทำให้มีความสมดุลกันระหว่าง 2 ส่วนคือ ของผู้ที่จะผ่อนคลาย และอีกส่วนหนึ่งคือผู้ที่จะต้องดูเรื่องสุขภาพ เพื่อให้ทั้งสองอย่างนี้ไปด้วยกันได้ อยู่ในลักษณะของสมดุลและควบคุมโรคได้ ตอนนี้ต้องให้รางวัลกับทุกคนที่ดูแลภายในกันได้เป็นอย่างดี

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า แต่ขณะเดียวกันชุดข้อมูลของทางวิชาการก็ยังระบุว่าไว้ใจไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะอย่างที่บอกว่า คนที่ไม่แสดงอาการก็ยังเดินไปมาอยู่ ดังนั้นระยะเวลา 14 วันก็อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด แต่อาจจะเป็น 21 หรือ 28 วัน ดังนั้นข้อมูลเหล่านี้ที่ผู้บริหารจะต้องเป็นคนตัดสินใจระหว่างเรื่องสุขภาพกับเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะทั้งสองอย่างนี้จะต้องนำมาวางให้เหมาะสมด้วยกัน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า แน่นอนว่าเราไม่ได้ต้องการว่าทุกคนจะต้องเอาตัวเลขเป็นศูนย์ไปตลอด เราต้องยอมรับความเสี่ยงได้ว่าจะต้องเกิดโรคขึ้นบ้าง แต่เราก็ไม่อยากให้ความเสี่ยงนั้นเกิดขึ้นมาเพียงกับคนหนึ่งคนแล้วกลายเป็นคนอีก 200-300 คน หรือจะกลายเป็นเลขสามหลัก สี่หลัก เรื่องนี้บอกได้ยาก แต่ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นการยืดพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปแต่อยู่ในช่วงของการผ่อนคลาย

โฆษก ศบค. กล่าวว่า จึงขอเรียนว่ากิจการและกิจกรรมที่จะได้รับการผ่อนคลายในระยะนี้ ถ้ามีข่าวว่าเป็นกิจการหรือกิจกรรมใดนั้น จะยังไม่มีการยืนยันจนกว่าจะมีการนำเข้าที่ประชุม จนกว่าที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่จะนำเข้าพิจารณา เพื่อให้เกิดการผ่อนคลายได้ภายในสุดสัปดาห์นี้

“ผมเองก็ต้องการให้สถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้นโดยเร็ว หน้าที่ต่าง ๆ ของทุกคนยังมีอีกมากมายที่จะได้ทำตามหน้าที่และหวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือ และเราจะกลับไปสู่ระยะที่สามอีกสองสัปดาห์ ระยะที่สี่อีกสองสัปดาห์ รวมแล้วช่วงเวลา 1 เดือนที่เราจะต้องดูแลกันและกันเป็นอย่างดี หวังว่าหลังจาก 30 มิ.ย.แล้ว พ.ร.ก.ฉุกเฉินถ้าเป็นไปได้เราก็กลับไปเป็นปกติ โดยเป็นปกติแบบวิถีใหม่ ถ้าทุกคนปรับตัว ปรับใจ ปรับกายได้ ถึงตอนนั้นไม่ต้องมีกฎหมายไม่ต้องมีอะไรมาดูแล” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวต่อว่า เราจะได้มั่นใจได้ว่าสามารถนำพาประเทศไทย คนไทย 60 กว่าล้านคนให้อยู่ใน ชีวิตวิถีใหม่ได้แล้วทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม ยกเว้นคนที่มาจากต่างประเทศที่เรายังต้องประมาทระวังอยู่ เหมือนกับที่ประเทศญี่ปุ่น ประกาศประเทศที่ห้ามเข้า แต่คนในประเทศเดินทางได้ นี่คือความน่าจะเป็น

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับเจ้าของกิจการ เราต้องการ 3 ส่วนของความร่วมมือคือ เจ้าของกิจการขอให้ช่วยคิดในรายละเอียดของกิจการเอง ถึงแม้ว่าเดิมจะเป็นโซนสีแดง แต่ถ้ามีกิจการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และทำให้ทุกคนมั่นใจได้ว่าถ้าเปิดแล้วทำให้ไม่เกิดโรคได้ขอให้เสนอมา ส่วนประชาชนที่จะต้องไปร่วมทำกิจการหรือกิจกรรมนั้น ๆ ก็ต้องปรับตัวและทำให้เคยชินและอยู่ในวิถีใหม่ให้ได้ อีกส่วนหนึ่งคือภาครัฐที่จะต้องเข้าไปกำกับดูแล และควบคุมก็ต้องเรียนรู้จากทั้งสองส่วนดูแลเพื่อทำให้เราทุกคนผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน