วันที่ 2 ก.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม นายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ ลูกชายพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญา เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สัณห์เพ็ชร หนูทอง ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป.พ.ต.ท.ภิรมย์ เมืองไสย รอง ผกก.1 บก.ป.ตามหมายเรียกเพื่อให้ปากคำในฐานะพยานคดีวางแผนชิงตัวพ.ต.ท.บรรยินจากเรือนจำ

หลังพบว่า นายวรภัทร์ เคยเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มเดียวกับนายณัฐพล หรือท็อป นรการ ลูกน้องของพ.ต.ท.บรรยิน หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการชิงตัว โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมงการสอบสวนจึงเสร็จสิ้น

จากนั้นนายวรภัทร์ เปิดเผยว่า แผนชิงตัวนั้นตนไม่ทราบและยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น ไม่มีใครทราบ จึงอยากให้สื่อมวลชนลองประเมินกันเองว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ เพราะส่วนตัวแล้วมองว่า ไร้สาระ ทุกวันนี้ยังรู้สึกสงสารในชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อ คดีความทั้งหมดนั้นยังไม่สิ้นสุด แต่สถานการณ์ทำให้พ่อถูกบีบบังคับ

กรณีที่ตั้งข้อสงสัยว่า ตนรู้จักกับนายณัฐพล หรือท็อป ซึ่งเป็นลูกน้องของพ่อที่ร่วมแผนการครั้งนี้ ขอยืนยันว่าเขาไม่ใช่เพื่อน เพราะข้าวสักมื้อก็ยังไม่เคยกินด้วยกัน เพียงแต่เคยไปเจอกันที่หน้าเรือนจำ ตอนที่ไปเยี่ยมพ่อ ซึ่งก็มีการถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ของพ่อเท่านั้น เพราะตัวนายท็อปนั้น เคยถูกขังอยู่ในแดนเดียวกับพ่อ ที่ผ่านมาตนยอมรับว่า เคยมีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์บ้าง แต่ก็เป็นการคุยเรื่องทั่วไปเท่านั้น

ด้านพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองรอง ผบก.ป. กล่าวว่า จากแนวทางการสอบสวนพบว่า ภายหลังจากนายณัฐพล หรือท็อป ได้รับการประกันตัวออกมาก็ได้มีการติดต่อมาหานายวรภัทร์ แต่ในส่วนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นการติดต่อกันเรื่องใด แต่ก็พบอีกว่า นายวรภัทร์ และ นายณัฐพล นั้น เป็นเพื่อนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องเชิญตัวมาสอบปากคำในฐานะพยานคดี

พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้ก็คืบหน้าไปมากแล้ว หลังจากก่อนหน้าได้เข้าไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่เรือนจำและผู้ต้องขังรวม 2-3 ราย ทั้งหมดต่างให้การสอดคล้องกันว่า วางแผนการดังกล่าวจริง โดยในวันพรุ่งนี้(3 ก.ค.) จะมีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำนายวรภัทร์ ที่ให้การว่า กรณีที่นายณัฐพล เคยให้การกับตำรวจหลังถูกจับกุมว่า เป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันนั้น เป็นการกล่าวอ้างของนายณัฐพล โดยนายวรภัทร์ไม่รู้เรื่อง เพราะไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว เพิ่งจะมารู้จักตอนมาเยี่ยม พ.ต.ท.บรรยิน ที่เรือนจำเท่านั้น ส่วนเรื่องที่นายณัฐพล โทรศัพท์ติดต่อไปหานายวรภัทร์ ก็เพราะพ.ต.ท.บรรยิน เป็นผู้สั่งให้โทรศัพท์มาบอกนายวรภัทร์ให้ไปเยี่ยมที่เรือนจำเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆและรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมจนทำให้คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร โดยคาดว่าพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เพิ่มเติมอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน