ศาลอาญา ถอนประกัน ตู่-จตุพร ร่วมจัดรายการทีวีใช้ถ้อยพาดพิงบุคคล ผิดเงื่อนไขศาล ขณะที่ทนายเล็งยื่นประกันใหม่อีก 2 สัปดาห์ ส่วนจำเลยอีก 4 คน ติชมโดยสุจริต ศาลยกคำร้องอัยการโจทก์ ชี้ วิจารณ์การทำงานรัฐบาลตรวจสอบคอรัปชั่นสมารถกระทำได้ แต่ต้องไม่กระทบสิทธิบุคคลอื่น “ณัฐวุฒิ” ไม่ขึ้นรักษาการณ์ ปธ.นปช. ยังคงรอจตุพรออกมา ด้านทนายรอเวลา 1-2 อาทิย์ยื่นประกันใหม่ เชื่อศาลให้ประกันอีกรอบ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ต.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว นายวีระ หรือนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมช.พาณิชย์, นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. และนายนิสิต สินธุไพร อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย 5แกนนำ นปช.จำเลยร่วมในคดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้ายรวม ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ในศาลอาญา

wan_0050

วันนี้จำเลยทั้ง 5 คนพร้อมด้วยทีมทนายความเดินทางมาศาล โดยมีนางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธาน นปช., นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก, นายก่อแก้ว พิกุลทอง และกลุ่มนปช.มาร่วมให้กำลังใจจำนวนมาก

wan_0166

ก่อนฟังคำสั่ง นายจตุพร ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้ อัยการโจทก์ได้ยื่นหลักฐานใหม่เป็นวีซีดี ต่อศาล ทีมทนายเห็นว่า เป็นหลักฐานใหม่ จึงขอศาลตรวจสอบซีดีดังกล่าว และได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนพยานเพิ่มเติม คือตัวจำเลยทั้ง 5 คนและทีมทนายความ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะมีคำสั่งอย่างไร

wan_0112

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพรได้เตรียมของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเป้มาด้วย โดยระบุว่า ไม่ใช่การแก้เคล็ดหรือลางบอกเหตุ แต่ตนเองเคยต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำมาถึง 2 ครั้ง จึงต้องมีการเตรียมความพร้อม แม้เอารองเท้าผ้าใบมา แต่ก็ไม่เอาถุงเท้ามาเด็ดขาด

wan_0286

โดยพนักงานอัยการยื่นคำร้องกล่าวอ้างว่า นายจตุพร จำเลยที่ 2 พูดในทางเสียดสี ประชด ประชัน ตำหนิการทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บิดเบือนการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี กล่าวหาหน่วยงานของรัฐกระทำการโดยมิชอบ คุกคาม กดดันการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ พูดโจมตีบุคคลต่างๆ ในลักษณะดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทผู้อื่น พูดยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมืองผ่านรายการโทรทัศน์ PEACE TV เว็บไซค์ ยูทูป และสื่อสาธารณะอื่น ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลที่กำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวไว้

คดีนี้จำเลยที่ 1-4 และ 8 ให้การยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดเงื่อนไขศาล แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นสุจริตตามสิทธิขั้นพื้นฐาน และเป็นการตรวจสอบป้องกันการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐและรัฐบาล ซึ่งหากมีการพาดพิงหรือดูหมิ่นบุคคลใดก็สามารถใช้สิทธิทางกฎหมายได้อยู่แล้ว

ขณะที่ทนายจำเลยทั้ง 5 ได้แถลงต่อศาลขอไต่สวนพยานประกอบคำให้การของจำเลย และวีซีดีบันทึกภาพและเสียงที่อัยการโจทก์ยื่นต่อศาลบางแผ่นไม่สามารถเปิดดูรายละเอียดได้ ศาลเห็นว่าจำเลยได้แถลงยอมรับข้อเท็จจริงว่าได้ไปออกรายการต่างๆ และมีการให้สัมภาษณ์จริง แต่ไม่ได้กระทำผิดเงื่อนไขศาล และอัยการโจทก์ยังมีหนังสือพิมพ์ สื่อสาธารณะอื่น ร่วมถึงบันทึกถ้อยคำจากแผ่นวีซีดีที่เป็นพยานหลักฐานพอวินิจฉัยได้ เมื่อจำเลยรับข้อเท็จจริงแล้วประกอบกับโจทก์มีพยานหลักฐานพอวินิจฉัยได้ ศาลจึงงดการไต่สวนพยานจำเลย พร้อมยกคำร้องทนายจำเลยที่ 2 และ 4 ที่แถลงต่อศาลคัดค้านการอ่านคำสั่งวันนี้

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การอนุญาตปล่อยชั่วคราวเป็นหลักประกันอิสรภาพตามสิทธิมนุษยชน เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยถูกคุมขังนานเกินจำเป็น โดยให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยยังไม่เป็นผู้กระทำผิดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่งจะปฏิบัติเสมือนผู้ที่กระทำความผิดไม่ได้ กรณีที่ศาลมีคำสั่งปล่อยชั่วคราวโดยกำหนดเงื่อนไข เพื่อป้องกันการหลบหนี การเกิดภัยอันตรายหรือความเสียหาย และละเว้นกิจกรรมที่อาจกระทำผิดขึ้นอีกได้ ซึ่งศาลจะใช้ดุลพินิจพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขขึ้นมาเพื่อให้จำเลยต้องปฏิบัติเกินความจำเป็นแก่กรณี ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108 และการปล่อยชั่วคราวจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป

สำหรับคดีนี้ศาลสั่งปล่อยชั่วคราวจำเลยโดยกำหนดเงื่อนไขไว้ เพื่อควบคุมหรือป้องกันไม่ให้มีการกระทำอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และสถานการณ์ขณะนั้นมีวิกฤตการขัดแย้งทางการเมืองสูง ซึ่งจำเลยเป็นแกนนำในการปราศรัยโจมตีรัฐบาลและนัดชุมนุม จนเป็นเหตุให้ถูกจับกุมและดำเนินคดี แต่เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 57 คสช. เข้ายึดอำนาจ สถานการณ์ภายในจึงสงบเรียบร้อยลง และมีการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จตามกำหนด โดยกำหนดให้มีการลงประชามติวันที่ 7 สิงหาคม 59 ซึ่งจำเลยที่ 1-4 และ 8 ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ กรณีย่อมทำได้แต่ต้องอยู่ในขอบเขตและไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของศาล อีกทั้งกรณีวิจารณ์การทำงาน คอรัปชั่นก็ย่อมมีสิทธิกระทำได้ แต่ต้องไม่กระทบสิทธิเกียรติยศบุคคลอื่น

เมื่อพิจารณาแผ่นวีซีดีของอัยการโจทก์แล้วเห็นว่า บทสนทนาบางตอนจำเลยที่ 2 กล่าวพาดพิงบุคคลอื่นด้วยถ้อยคำค่อนข้างรุนแรงหรืออาจกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของประชาชนที่ได้รับทราบข้อความดังกล่าว ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลที่ถูกพาดพิงและกระทบสิทธิเกียรติยศ แม้ผู้เสียหายจะใช้สิทธิตามกฎหมายได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำ ศาลได้กำหนดเงื่อนไขไว้ก่อนแล้วเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น การที่จำเลยที่ 2 ได้กล่าวโดยระบุชื่อและกล่าวในลักษณะส่อในทางดูหมิ่นกระทบสิทธิต่อชื่อเสียง เกียรติยศถือเป็นการกระทำผิดเงื่อนไข ส่วนจำเลยที่ 1, 3, 4 และ 8 ศาลเห็นว่าเป็นการติชมโดยสุจริตเป็นธรรมตามวิสัยของประชาชนทั่วไป ยังไม่ถึงกับดูหมิ่นหรือกระทบสิทธิ เกียรติยศหรือชื่อเสียง และความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น อันเป็นการยั่วยุหรือกระทำผิดเงื่อนไขประกันอื่นตามที่ศาลได้กำหนดไว้

ศาลจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว นายจตุพร จำเลยที่ 2 และยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนประกันในส่วนของจำเลยที่ 1, 3, 4 และ 8 ส่วนที่จำเลย 1-4 และ 8 ขอให้ยกเลิกเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวในคำร้องคัดค้านที่จำเลยยื่นมาด้วยนั้น ศาลเห็นว่าการกำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวก็เพื่อป้องกันภัยอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยชั่วคราว ซึ่งศาลจะใช้ดุลพินิจพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขขึ้นมาเพื่อให้จำเลยที่ 1-4 และ 8 ต้องปฏิบัติเกินความจำเป็นแก่กรณี จึงยังไม่มีเหตุที่จะยกเลิกเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวดังกล่าว

ภายหลัง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า ถือเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญของ นปช.ถึงแม้ไม่ใช่การเสียชีวิต แต่เป็นการสูญเสียอิสรภาพ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของนายจตุพร แต่เรายังเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ตรวจสอบการคอรัปชั่นต่อไป ซึ่งนายจตุพรยังได้ฝากให้กำลังใจประชาชนให้ยึดมั่นแนวทางของนปช.ต่อไป และในวันนี้นายจตุพรได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างสง่างาม ถือเป็นความภาคภูมิในฐานะประธาน นปช. พวกเราจะยืนหยัดจนกว่านายจตุพรจะกลับมา ครั้งนี้คงเป็นบททดสอบไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะยืนอยู่ที่เดิม โดยทางแกนนำ นปช.ก็จะเดินทางไปเยี่ยมนายจตุพรที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายวันนี้ และจะประชุมปรึกษากับฝ่ายกฎหมายเรื่องการยื่นของประกันตัวใหม่อีกครั้ง เพราะแม้ศาลจะเพิกถอนประกันในวันนี้ แต่ก็ไม่ได้ตัดสิทธิในการยื่นประกันใหม่แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามถึงความปลอดภัยของนายจตุพร ช่วงที่อยู่ในเรือนจำนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องดูแลนายจตุพร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจ และหวังว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะเป็นลูกผู้ชายพอ

เมื่อถามว่า ช่วงที่นายจตุพร อยู่ในเรือนจำใครจะรักษาการประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กลุ่มนปช.ไม่ใช่บริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจหวังผลกำไร ขณะนี้นายจตุพรจะยังคงเป็นประธานนปช. ส่วนแกนนำคนอื่นๆ ยังคงปฏิบัติหน้าที่เช่นเดิม และรอจนกว่านายจตุพรจะออกมาจากเรือนจำ

ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจำเลย กล่าวว่า หลังจากนี้ 1-2 สัปดาห์จะยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวนายจตุพรใหม่ โดยจะขอให้ศาลไต่สวน เพราะต้องการจะโต้แย้งหลักฐานที่เป็นแผ่นวีซีดีของอัยการโจทก์ที่บางแผ่นเปิดไม่ได้ และอาจจะมีการแถลงให้สัญญาหรือเพิ่มเงื่อนไขเพื่อให้ศาลปล่อยประกันนายจตุพร ซึ่งในครั้งนี้ศาลได้ให้เหตุผลในการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดีไว้ เพื่อไม่เป็นการจำกัดสิทธิจำเลยจนเกินไปในระหว่างพิจารณาคดี และคดีนี้ยังอยู่ในชั้นสืบพยานโจทก์ ยังเหลือระยะเวลาในการพิจารณาคดีอีกนาน จึงเชื่อว่าหากเว้นระยะเวลาสักพักและยื่นขอปล่อยชั่วคราว ศาลจะพิจารณาเพื่อปล่อยชั่วคราวอีกครั้ง ส่วนการยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้น คงไม่ใช้แนวทางนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีผล เพราะเบื้องต้นจำเลยได้แถลงรับข้อเท็จจริงไว้ จึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะอุทธรณ์ในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศหลังการพิจารณาเมื่อศาลมีคำสั่งถอนประกันนายจตุพร ปรากฎว่าบรรดาแกนนำและแนวร่วม นปช. รวมถึงนักเคลื่อนไหวนักกิจกรรมทางการเมือง ได้แสดงความเห็นใจ และรุมให้กำลังใจนายจตุพร และแนวร่วมบางส่วนได้ร้องไห้เสียใจ ขณะที่นายจตุพร มีสีหน้าเรียบเฉย และยังสมารถยิ้มได้ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้คุมตัวนายจตุพรขึ้นรถตู้ไปควบคุมต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน