เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ศาลาว่าการกทม. นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม. เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 12-15 ต.ค. นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร

13209991281320999518l

นอกจากนี้ กรมชลประทานยังมีแผนจะเพิ่มการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จากเดิมวันละ 2,000 ม./วินาที เป็น 2,300 ลบ.ม./วินาที และเขื่อนพระรามหก จากเดิมวันละ 600 ลม./วินาที เป็น 700 ลบ.ม./วินาที โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ของสำนักการระบายน้ำ ไปสังเกตการปล่อยน้ำจากเขื่อนทั้งสองแห่งและเส้นทางน้ำที่เกี่ยวข้อง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากข้อเท็จจริง ประกอบกับในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป แม่น้ำเจ้าพระยาในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครจะเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม กทม.ได้ก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ ต่อเนื่องครบแล้ว โดยจุดที่มีลักษณะฟันหลอได้จัดทำแนวเขื่อนกั้นน้ำชั่วคราวโดยจัดเรียงกระสอบทรายเป็นแนวป้องกันน้ำไว้แล้วทุกจุด ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่ากทม.สามารถรับมือกับสถานการณ์น้ำ ทั้งปริมาณน้ำฝน น้ำจากด้านเหนือ และน้ำทะเลหนุน ที่จะเกิดพร้อมกันในช่วงกลางเดือนนี้ได้อย่างแน่นอน

สำหรับจุดที่น่าเป็นห่วงอยู่บ้าง คือประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่นอกแนวคันป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากน้ำท่วมได้ โดยจากการสำรวจเบื้องต้น มีบ้านเรือนประชาชนที่อยู่นอกแนวคันป้องกันน้ำท่วม จำนวน 681 ครัวเรือน ในพื้นที่ 11 เขต ได้แก่ บางซื่อ, ดุสิต, พระนคร, สัมพันธวงศ์, บางคอแหลม, ยานนาวา, คลองเตย, บางพลัด, บางกอกน้อย, คลองสาน และราษฎร์บูรณะ จึงขอให้ประชาชนที่อยู่นอกแนวเขื่อนกั้นน้ำดังกล่าว เตรียมขนย้ายสิ่งของให้อยู่ในที่สูง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนหากเกิดปัญหาระดับน้ำขึ้นสูง

นอกจากนี้ ผู้บริหาร ยังสั่งการให้สำนักงานเขตที่มีพื้นที่อยู่ตามแนวริมน้ำเจ้าพระยา สำรวจพื้นที่บ้านเรือนของประชาชน จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในกรณีฉุกเฉินต่างๆ จัดเตรียมไม้สำรองไว้หากต้องมีการเสริมทางเดินเข้าสู่ชุมชน พร้อมทั้งจัดเตรียมยา เครื่องเวชภัณฑ์ และเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนหากได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมได้อย่างทันท่วงที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีปริมาณฝนน้อย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสมในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนมากกว่าเมื่อวานและมีฝนตกหนักบางแห่ง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศกัมพูชาและเวียดนามตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนักได้ในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และนครปฐม อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน