ทนายครอบครัวอยู่วิทยา แจงคดี ‘บอส’ ยัน ‘จารุชาติ’ เป็นพยานตั้งแต่แรก ให้การขับปิกอัพแซงเฟอร์รารี่ ดต.เปลี่ยนเลนกะทันหัน

วันที่ 3 ส.ค. นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความประจำครอบครัวนายเฉลิม อยู่วิทยา เปิดเผยถึงกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ในความผิดขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต กรณีขับรถชนด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตร.สน.ทองหล่อ เมื่อปี 2555 ว่า

จากข่าวที่ระบุว่ามีกมธ.สภาผู้แทนฯ เตรียมเรียกเข้าชี้แจงนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจากกมธ.ฯ ทั้งนี้ช่วงนี้ตนอยู่ระหว่างพักฟื้นหลังจากผ่าตัดสมอง และวันที่ 5 ส.ค.นี้มีนัดเข้าพบหมอเพื่อติดตามการรักษา แต่ก็ไม่หนักใจหากถูกเรียกเข้าชี้แจงและพร้อมเข้าชี้แจงทั้งหมด

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

นายสมัคร กล่าวว่า สำหรับข้อสงสัยว่ามีการใช้กลไกกมธ.กฎหมาย สนช. เข้าไปมีผลต่อคดี ขอยืนยันว่าหลังการปฏิวัติเมื่อปี 2557 ตนไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไม่เคยเข้าเป็นที่ปรึกษาของกมธ.คณะใด การยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายวรยุทธ โดยมีนายธนิต บัวเขียว ทนายความ เป็นผู้นำยื่นนั้น ตนรับทราบและให้ได้คำปรึกษา

สำหรับเป้าหมายการยื่นขอความเป็นธรรมกับกมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและกิจการตำรวจ สนช.ครั้งนั้น เนื่องจากอัยการที่ทำคดีจะยื่นฟ้องคดีโดยใช้ความเร็วรถที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งที่มีข้อมูลระบุถึงอัตราความเร็วรถนั้นไม่เกิน 80 กม.ต่อชั่วโมง จึงต้องร้องขอความเป็นธรรม และการพิจารณาของกมธ.ทราบเพียงว่าทางกมธ.เชิญนักวิชาการ คือนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำ และหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มาให้ข้อมูลเรื่องขอความเร็วเท่านั้น และในสำนวนของคดีไม่มีปรากฏว่าได้อ้างอิงข้อมูลจากทางกมธ.ฯ ของสนช. การยื่นเรื่องต่อกมธ. ไม่คาดหวังให้มีผลเปลี่ยนแปลงคดี อีกทั้งในทางการต่อสู้ รายงานของกมธ.ของสภาฯ ไม่มีผลใดๆ ต่อสำนวนการสืบสวนสอบสวนของอัยการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่

นายสมัคร กล่าวว่า สำหรับพยานที่อยู่ในสำนวน 2 รายนั้น ยืนยันมีตั้งแต่ต้น ไม่ใช่นำเข้ามาภายหลัง กรณีของนายจารุชาติ มาดทอง พยานที่ขับรถกระบะเป็นพยานฝ่ายตำรวจที่เข้าให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่หลังเกิดเหตุครั้งแรก และให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งราวปี 2560 หรือปี 2561 เป็นครั้งที่สอง หลังจากที่ทนายความของนายวรยุทธร้องขอให้ตามตัวมาให้ปากคำเพิ่มเติม ส่วนเหตุผลที่ใช้เวลานาน จากปี 2555 ในครั้งแรก ห่างจากครั้งที่สองถึง 5 ปีเพราะร้องขอไปทางตำรวจให้ดำเนินการ ตอนแรกไม่สามารถตามตัวได้ แต่ภายหลังสามารถตามตัวได้ จึงเข้าสู่การให้ปากคำเพิ่มเติม

นายสมัคร กล่าวว่า สำหรับสาระการให้ปากคำนั้นเป็นประโยชน์กับทางคุณวรยุทธ เนื่องจากระบุว่าในวันเกิดเหตุนายจารุชาติ ขับรถกระบะแซงรถเฟอร์รารี่ของนายวรยุทธ ใช้ความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อชั่วโมง ดังนั้นทำให้เห็นว่ารถเฟอร์รารี่นั้น ทำความเร็วที่ไม่เกิน 80 กม.ต่อชั่วโมงเท่านั้น หากเร็วกว่านั้นรถกระบะจะไม่สามารถแซงได้ นอกจากนั้นแล้วปากคำยืนยันว่ารถจักรยานยนต์ของด.ต.วิเชียรนั้นเปลี่ยนช่องทางจราจรจากช่องแรก ไปช่องสามแบบกะทันหัน

“การตายของนายจารุชาติ ซึ่งเป็นพยานฝ่ายตำรวจ ผมว่ามีพิรุธ แต่เมื่อเขาเสียชีวิตแล้ว ในทางคดีสามารถนำข้อมูลที่เขาเบิกความในชั้นสอบสวนต่อสู้ต่อไปได้ อย่างไรก็ดีในคดีนี้มีพยาน 2 คนนั้น ผมยืนยันว่าเขาทั้งคู่ไม่รู้จักกันมาก่อน โดยกรณีของพล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร อดีตนายทหารนั้น ยอมรับว่าทราบภายหลังเกิดเหตุว่าเป็นผู้ที่เห็นเหตุการณ์อีกคน เพราะมีคนสนิทของนายเฉลิมรับทราบจากการพูดคุยในวงสนทนาในงานเลี้ยงหนึ่ง จากนั้นได้ร้องขอให้มาเป็นพยานให้”นายสมัครกล่าว

นายสมัคร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่คดีนี้ในภาพรวมใช้เวลานานและกว่าจะทราบผลช้า เพราะมีการร้องขอความเป็นธรรมประมาณ 7-8 ครั้ง และการร้องขอความเป็นธรรมเฉพาะการยื่นเรื่องไปอัยการสูงสุด และตำรวจนั้นกินเวลาอย่างน้อย 5 เดือน อย่างไรก็ตามในการสรุปสำนวนของคดี ไม่ทราบว่าตำรวจตั้งข้อหาว่านายวรยุทธฆ่าคนตาย เพราะรูปคดีไม่เป็นเช่นนั้น แต่หากผลสอบยืนยันว่าผิดจริง พร้อมจะชดใช้

“รายละเอียดของคดีนั้นเป็นความลับของคู่ความ โดยมารยาทและจริยธรรมของทนายความนั้น ไม่สามารถพูดได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากทางครอบครัว ซึ่งผมอึดอัดมาก อยากพูดให้สังคมรับรู้ข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้กระแสสังคมวิจารณ์ไปในทางที่วิจารณ์ด่าทอ มากกว่าพูดถึงข้อเท็จจริงของคดี แต่ถึงแม้อยากอธิบายแต่ทำไม่ได้ อย่างไรก็ตามผมทราบว่าประเด็นที่เกิดขึ้นนั้น ทางครอบครัวเตรียมทำแถลงการณ์เพื่อชี้แจงรายละเอียดกับสังคม ส่วนจะเป็นเมื่อใดนั้นขอให้ติดตามอีกครั้ง” นายสมัคร กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน