จากคดีสะเทือนขวัญ “น้องพลอย” น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล อายุ 28 ปี หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่ปี 2557 จากที่ทำงาน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งครอบครัวพยายามตามหา กระทั่งนายวิชา ผลิผล อายุ 53 ปี และนางพัชรี ปั้นทอง อายุ 51 ปี พ่อแม่น้องพลอยเข้ายื่นหนังสือร้องต่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพื่อให้เร่งรัดติดตามจับกุมคนที่ลักพาตัวลูกสาวไปกว่า 3 ปี ที่ศูนย์บริการประชาชนเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงรื้อคดีนี้ขึ้นมาสอบสวนอีกครั้ง กระทั่งพบผู้ต้องสงสัย คือ ส.อ.พลกฤต วิเศษ อดีตทหารสังกัดศูนย์การทหารปืนใหญ่ลพบุรี ถูกให้ออกจากราชการเมื่อปี 2557 จนสามารถจับกุมตัวได้และรับสารภาพอุ้มฆ่าเผาน้องพลอยทิ้งศพไว้ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายพลกฤต หรือเอส วิเศษ อายุ 29 ปี อดีตสิบเอก สังกัดศูนย์การทหารปืนใหญ่ ค่ายพหลโยธิน จ.ลพบุรี เป็นคนลงมือฆ่า “น้องพลอย” น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล มาทำแผน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 20 นาย คุมตัวผู้ต้องหาอย่างแน่นหนา

โดยตำรวจนำผู้ต้องหาไปประกอบคำรับสารภาพ ทั้ง 8 จุด โดยจะเริ่มทำในจุดที่ 1 เป็นจุดที่นายเอสลักพาตัวน้องพลอย ไปกระทั่งจุดสุดท้ายจุดที่ 8 อยู่ในพื้นที่ทั้งหมด 3 จังหวัดได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี และจังหวัดสระบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในจุดที่ตำรวจคุมตัวนายเอสมาทำแผนในรถยี่ห้อนิสสัน ซึ่งเป็นจุดที่นายเอสรับสารภาพว่าบีบคอน้องพลอยบริเวณเบาะหลังรถ ก่อนกลับไปค่ายทหารที่ลพบุรี เอายางรถยนต์และแวะซื้อน้ำมันไปฆ่าเผาอำพรางที่แก่งคอยจ.สระบุรี ซึ่งสาเหตุมาจากปมหึงหวงที่ฝ่ายหญิงพยายามตีตัวออกห่าง ซึ่งในจุดนี้มีประชาชนนับร้อยคนมารอดูการทำแผน โดยต่างตะโกนสาปแช่งนายเอสต่างๆ นานา บางคนถึงกับตะโกนเรียกร้องให้ลงโทษประหารชีวิต นอกจากนี้นางพัชรี และนายวิชา แม่และพ่อของน้องพลอยก็มารอดูหน้าฆาตกรด้วย

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน