กรณีกลุ่มคนร้ายบุกก่อเหตุปล้นชิงรถกระบะในเต็นท์รถที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เพื่อจะนำไปประกอบวัตถุระเบิดคาร์บอมบ์พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งจับเจ้าของเต็นท์รถและพนักงานรวม 4 คนไปด้วย แล้วยิงเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 1 คน หนีมาได้ 2 คน ต่อมาเจ้าหน้าที่สกัดจับ และจับตายคนร้าย 1 ศพ อีกทั้งระหว่างไล่ล่า รถ 1 คันที่ถูกปล้นไปคนร้ายได้วางระเบิดสกัดกลางทาง เจ้าหน้าที่บาดเจ็บหลายนาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดจับผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 4 คน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว 7ปิกอัพถูกปล้น ล่าได้ครบ รวบทันที 4ผู้สงสัย บึ้มซ้ำอีก บ้าน”ตร.”

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 18 ส.ค. ที่ห้องยุทธการ หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ประชุมด่วนชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมและผู้บังคับหน่วยเฉพาะทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เพื่อติดตามความคืบหน้าร่วมถึงประเมินสถานการณ์เหตุกลุ่มคนร้ายปล้นเต็นท์รถ การประเมินครั้งนี้ได้อิงจากข้อมูลแจ้งเตือน หลักฐานที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมต่างๆ กับการก่อเหตุในครั้งนี้กลุ่มคนร้ายมีการกำหนดจุดต้องการก่อเหตุใหญ่พร้อมกันหลายจุดในเขตพื้นที่ชุมชนเมือง ย่านเศรษฐกิจ รวมถึงจุดที่ตั้งหน่วยฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ มุ่งการกระทำในพื้นที่ จ.ปัตตานีโดยเฉพาะ อีกทั้งขอบคุณชุดกำลังภาคประชาชนแต่ละพื้นที่เข้ามามีส่วนช่วยแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหว นำไปสู่การติดตามกดดันไม่ให้สามารถก่อเหตุตามแผนการของฝ่ายตรงข้ามในครั้งนี้ได้ โดยเตรียมออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวของกับการก่อเหตุในครั้งนี้รวม 15 คน

พล.ต.จตุพร กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุล่าสุดมีข้อมูลหลักฐานมาจากการให้ข่าวสารของประชาชนและจากการไล่กล้องวงจรปิด ประกอบเข้ากับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ตอนนี้สามารถระบุกลุ่มที่ร่วมกันก่อเหตุ แบ่งเป็น 3 ชุดรับหน้าที่ต่างๆ คือกลุ่มนายซอบือรี เจ๊ะหะ ทำหน้าที่ปล้นรถกระบะจากพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ส่งต่อให้กลุ่มนายมะนาเซ ไซดี นำลูกน้องไปก่อเหตุปล้นเต็นท์รถกระบะมือสองในพื้นที่ อ.นาทวี จ.สงขลา จากนั้นรวมกับกลุ่ม นายบูคอรี หลำโส๊ะ ชุดประกอบระเบิดแสวงเครื่องให้เป็นรถคาร์บอมบ์ ก่อนจะให้แนวร่วมขับออกไปเตรียมการก่อเหตุตามจุดที่กำหนด แต่ถูกสกัดกั้นจากความพยายามร่วมช่วยแจ้งเบาะแสของประชาชนตลอดที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น จนทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่สามารถยุติสถานการณ์ไม่ให้บานปลายถึงกับต้องสูญเสียชีวิต ทรัพย์ ครั้งใหญ่ลงได้อย่างรวดเร็ว

ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าวต่อว่า ถึงขณะนี้ฝ่ายเจ้าหน้าที่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ ทำให้ทราบแผนการก่อเหตุและที่หลบซ่อนตัวกลุ่มนายบูคอลี พบว่ายังคงหลบซ่อนตัวและเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา อ.โคกโพธิ์ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แต่ผลการปฏิบัติติดตามไล่ล่าก็มีเรื่องของข้อจำกัด เพราะการติดตามจับกุมทั้งเครือข่ายลุ่มนี้นั้นได้ใช้วิธีหลบซ่อนตัวอยู่บนเรือประมง และเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ตลอดแนวชายฝั่ง

อีกกลุ่มคือนายมะนาเซ พบว่ายังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในเขตพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี กับเขตรอยต่อ อ.ยะรัง อ.มายออำ อ.ยะหริ่ง ใช้รูปแบบการเคลื่อนที่หลบซ่อนตัววนเวียนอยู่ตามบ้านแนวร่วม โดยหลักฐานพบเบาะแสความเชื่อมโยงนั้นมีความชัดเจนว่ากลุ่มนายมะนาเซที่นำลูกน้องไปปล้นเต็นท์รถในพื้นที่ อ.นาทวี จ.สงขลา และขโมยรถมาก่อเหตุรวมนั้น มีความเชื่อมโยงกลุ่มนายบูคอรีมาตั้งแต่การเริ่มก่อเหตุปล้นรถขายปลาของชาวบ้านในพื้นที่อ.ยะรัง

“จากนี้ในส่วนของการวางกำลังเฝ้าระวังป้องกันรถเป้าหมายคาร์บอมบ์นั้น การตรวจพิสูจน์ทราบเสร็จสิ้นไปแล้วเกือบครบถ้วน กระนั้นยังคงไม่ไว้วางใจ เพราะฝ่ายตรงข้ามยังคงดำรงจุดมุ่งหมายในความพยายามก่อเหตุต่อไป เพราะฝ่ายตรงข้ามเกิดการสูญเสียชีวิต จึงต้องให้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังป้องกันยังคงตรึงไว้อยู่ และจะเสริมกำลังเข้ามาช่วยสกัดกั้นป้องกันเหตุตามแผน กอ.รมน.ภ.4 สน. จนถึงสิ้นเดือนก.ย. โดยจะเร่งติดตามแหล่งประกอบระเบิด ขั้นต้นทราบว่าอาจอยู่ในพื้นที่เขตรอยต่อระหว่าง อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ติดเขต อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ส่วนของกำลังฝ่ายตรงข้ามที่แยกย้ายหลังก่อเหตุนั้นสามารถระบุชื่อได้หมดทั้งเครือข่าย และเตรียมนำหลักฐานให้พนักงานสอบสวนเตรียมยื่นศาลขอหมายจับผู้ก่อเหตุ และมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในครั้งนี้เพิ่มขั้นต้นรวม 15 คน” ผบ.หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน