เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ผู้สื่อข่าวเปิดเผยถึงเส้นทางการเดินทางออกนอกประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ว่า เมื่อวันพุธที่ 23 ส.ค. ช่วงเช้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพทำบุญ ใส่บาตรพระสงฆ์ที่บ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 ก่อนที่จะเดินทางไปทำบุญ ไหว้พระ ขอพรหลวงพ่อโต ที่วัดระฆังโฆสิตาราม โดยไม่ได้แจ้งกำหนดล่วงหน้า จึงไม่มีช่างภาพสื่อมวลชนติดตามไปสังเกตการณ์

จากนั้นช่วงเช้าวันที่ 24 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอร้องกลุ่มสนับสนุนไม่ต้องเดินทางมาให้กำลังใจศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพราะไม่ได้เจอหน้ากัน ให้รอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน เพราะไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายที่อาจเกิดจากมือที่สาม

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้พบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์อีกเลย โดยแหล่งข่าวใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่าหลังจากที่ออกจากวัดระฆังแล้ว อดีตนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับบ้านพักและเก็บตัวเงียบไม่ได้ออกไปไหน

รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากบ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 ในช่วงพลบค่ำของวันที่ 24 ส.ค. และไม่มีคณะติดตามแต่อย่างใด ซึ่งแม้แต่คนสนิทก็ไม่ทราบถึงการเดินทางดังกล่าว เนื่องจากเกรงข่าวจะรั่ว

รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่งรถยนต์ส่วนตัวออกจากบ้านพัก มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพฯ ไปยังจ.สระแก้ว ก่อนจะใช้ช่องทางธรรมชาติ เพื่อผ่านด่านข้ามแดนไปยังบริเวณชายแดนด่านบ้านคลองลึก ก่อนเดินทางต่อไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยมีผู้กว้างขวางของกัมพูชาให้การช่วยเหลือ เพื่อต่อเครื่องบินไปยังประเทศสิงคโปร์

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ใช้เครื่องบินส่วนตัวบินต่อออกจากสิงคโปร์ไปยังจุดหมายปลายทางแล้ว แต่ไม่มีการระบุชัดเจนว่าเป็นประเทศใด

นอกจากนี้การเดินทางออกนอกประเทศครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้พา“น้องไปป์”นายศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชายคนเดียวไปด้วย โดยให้อยู่ในความรับผิดชอบของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร ผู้เป็นพ่อ ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ฝากฝัง”น้องไปป์”กับกลุ่มคนใกล้ชิดว่า “อย่าทิ้งน้องไปป์นะ”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน