จากกรณีคนร้ายวางระเบิดตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา พังเสียหายแตกกระจัดกระจาย มีพยานเห็นเหตุการณ์หลังจากระเบิดพบชายลักษณะท้วมกำลังลากกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมคาดว่าจะเป็นกล่องใส่เงินออกมาจากกองไฟ ก่อนขึ้นรถจักรยานยนต์ไม่มีป้ายทะเบียนขี่ออกไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ก.ย. ที่สน.ประเวศ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว โดยมีพล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รองผบก.น.4 พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ เข้าร่วมประชุม

พล.ต.ท.ศานิตย์ ได้สอบปากคำเบื้องต้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานอยู่ในช่วงเกิดเหตุ หัวหน้ารปภ. และพยานที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งทราบว่าคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 5 นาที รูปร่างท้วม อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ใส่หมวกกันน็อคสีขาวเต็มใบ ใช้รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะ ซึ่งขณะเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิบัติหน้าที่อยู่เพียงคนเดียว

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า คนร้ายใช้เวลา 5 นาทีในการก่อเหตุดังกล่าว จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบว่าก่อเหตุโดยใช้ระเบิดทำลายสิ่งคุ้มครองทรัพย์มาก่อน ซึ่งคนร้ายน่าจะประสงค์ต่อทรัพย์มากกว่าเป็นการก่อความไม่สงบหรือเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ส่วนสาเหตุที่คนร้ายเลือกใช้วิธีการเช่นนี้ เพราะเป็นวิธีการที่ใช้เวลาน้อยและทำลายสิ่งกีดขวางทรัพย์ได้อย่างง่ายดาย

“ในส่วนของชนิดระเบิดที่ใช้ใก่อเหตุนั้นขณะนี้จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่อีโอดี ยังไม่พบอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนประกอบของวัตถุระเบิดแบบแสวงเครื่อง คาดว่าระเบิดน่าจะเป็นแบบประทัดต่อสายชนวนออกมา แต่คาดว่าคนร้ายน่าจะมีความรู้ในการประกอบระเบิดเบื้องต้นอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นชำนาญไม่ถึงขั้นใช้แผงวงจรเป็นตัวจุดชนวน จากการสอบสวนพยานเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายมีแค่คนเดียว ลักษณะท้วม หลังก่อเหตุขี่รถจยย.ฮอนด้าคลิก สีดำหลบหนีไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี” ผบช.น. กล่าว

ต่อมาเวลา 10.40 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. เดินทางมาติดตามคดีดังกล่าวที่สน.ประเวศ

มีรายงานจากหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) แจ้งเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบตู้เอทีเอ็มและบริเวณโดยรอบพบว่าแผงปุ่มกดตัวเลข และช่องเงินกระเด็นไปไกลกว่า 50 เมตร และพบว่ามีรอยแรงระเบิดจากบริเวณด้านข้างซ้ายของตู้เอทีเอ็มนั้นคือส่วนที่เปราะบางที่สุด ลักษณะการระเบิดคือการสร้างแรงดันบริเวณนั้น เพื่อผลักให้กล่องเก็บเงินกระเด็นออกมาด้านหน้าอย่างง่ายดาย การลงมือในลักษณะนี้ได้คนร้ายต้องมีความรู้เรื่องตู้เอทีเอ็ม และระเบิดเป็นอย่างดี ส่วนระเบิดที่ใช้อาจเป็นซีโฟร์หรือทีเอ็นทีที่มีอานุภาพทำลายล้างต่ำ

ภายหลังการประชุมนาน 1 ชั่วโมง พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้แบ่งงานให้กับทั้งฝ่ายสอบสวนและฝ่ายสืบสวนแล้ว โดยขณะนี้ทราบจำนวนเงินที่คนร้ายได้ไปคือ 314,100 บาท เป็นธนบัตร 1,000 และ 100 บาท ส่วนกล่องธนบัตร 500 ไม่ได้นำไปด้วย ซึ่งคนร้ายอาจจะรีบร้อนจนไม่ได้นำไปด้วย ส่วนกล้องวงจรปิดขณะนี้ทราบว่ากล้องมีเพียงภายในตัวห้างที่สามารถทำงานได้ แต่ภายนอกห้างนั้นกล้องวงจรปิดเสียทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประสานขอกล้องวงจรปิดหน้าตู้เอทีเอ็มจากทางธนาคาร และยืนยันว่าการก่อเหตุในครั้งนี้เป็นการประทุษร้ายต่อทรัพย์สิน ไม่ได้เป็นการก่อเหตุความไม่สงบ

“ขณะนี้ได้เชิญทุกคนที่เราสงสัยมาสอบสวนเกือบจะทั้งหมดแล้ว เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีความรู้เรื่องการประกอบระเบิดอยู่บ้างพอสมควร แต่จะใช่คนมีสีหรือไม่นั้น ต้องรอให้พิสูจน์ทราบให้แน่ชัดก่อนเพราะบางทีไม่ใช่คนมีสีก็สามารถก่อเหตุในลักษณะนี้ได้เช่น เหตุระเบิดที่รพ.พระมงกุฎ” ผบช.น. กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน