‘ธนาธร’ ขึ้นศาลอาญาฟังไต่สวนเพิกถอนคำสั่ง ดีอีเอสขอระงับเผยเเพร่ข้อมูลไลฟ์สดวัคซีน ‘โควิด’ กระทบมั่นคง มั่นใจพูดโดยสุจริต

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 4 ก.พ.64 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางมายังศาลอาญาเพื่อเข้าฟังนัดไต่สวนคำร้องคัดค้านของคณะก้าวหน้า ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งลบลิงก์ ตามคำขอของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ในการเผยแพร่ภาพ-คลิปเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิดพาดพิงถึงสถาบันฯ ผ่านเพจคณะก้าวหน้า

นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าฟังการไต่สวนว่า วัตถุประสงค์ในวันนี้ ตนมาศาลเพื่อขอคัดค้านใบคำสั่งจากกระทรวงดิจิทัลฯ ที่ขอให้ปลดการไลฟ์เฟซบุ๊ก ทั้งในช่องทางเฟซบุ๊ก ยูทูบ

เมื่อถามว่าคิดว่าสามารถใช้หลักการวิจารณ์โดยสุจริตกล่าวอ้างต่อศาลได้หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนเห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ล้วนเป็นเรื่องของทุกคนในประเทศ สถาบันฯ ก็เป็นส่วนหนึ่งในสังคมไทย ดังนั้น การพูดถึงสถาบันฯโดยสุจริต โดยไม่ว่าร้าย พยาบาท เพื่อหวังดีต่อสังคม ย่อมเป็นสิ่งที่พลเมืองพึงกระทำได้

เมื่อถามว่าคิดว่าศาลจะใช้ดุลยพินิจครอบคลุมถึงหลักการข้างต้นด้วยหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า อันนี้ตนคงก้าวล่วงศาลไม่ได้ เพราะเห็นว่าสิ่งที่เราวิพากษ์วิจารณ์การจัดหาวัคซีนของรัฐบาลให้คนไทย เป็นสิ่งที่พวกเราทำด้วยความประสงค์ดี ก็หวังว่าศาลคงจะเข้าใจ ตนคงไม่ไปก้าวล่วงคำวินิจฉัยศาล

เมื่อถามว่าจนถึงตอนนี้แล้วมองขอบเขตความผิดมาตรา 112 ในประเทศไทยอย่างไรบ้าง นายธนาธร กล่าวว่า ใน ม.112 เป็นมาตราที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างแน่นอน เพราะสิทธิมนุษยชนนั้นคือการมีเสรีภาพทางการแสดงออก และม.112 มีโทษที่สูงเกินไป จึงเห็นว่าควรมีการแก้ไข เมื่อถามว่าอะไรเป็นตัวแปรทำให้โทษทางอาญาของมาตรา 112 ในไทยรุนแรงกว่าของชาติอื่นนายธนาธร กล่าวว่า ตรงนี้ตนคงไม่ทราบ ต้องไปถามนักกฎหมาย

เมื่อถามว่าในวันนี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี จะเดินทางมาไปแจ้งความเพิ่มเติม นายธนาธร กล่าวว่า เชิญครับ เพราะตนเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจ ขอเรียนพ่อแม่พี่น้องประชาชนอย่างนี้ว่า จนถึงวันนี้รัฐบาลไทยก็ยังไม่สามารถให้คำสัญญากับประชาชนได้ว่าตกลงวัคซีนที่จัดซื้อจัดหาได้แล้ว จะมีจำนวนเท่าไหร่กันแน่ เอกสารทางราชการก็ระบุไว้ชัดเจนว่าการหาวัคซีนให้คนไทยล่าช้าไป 1 เดือน ความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นแสนล้านบาท

“อย่าลืมว่าเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลยังยืนยันว่าจะฉีดวัคซีน 50 เปอร์เซ็นต์ ให้กับคนไทยภายใน 3 ปี แต่เพิ่งมาเปลี่ยนเมื่อไม่นานมานี้เอง เมื่อตั้งคำถามจากประชาชนที่ต้องการเห็นการจัดหาวัคซีนให้กับคนไทยได้อย่างเร็วที่สุด

ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเรื่องกลยุทธ์การจัดซื้อหาวัคซีน และการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยเป็นสิ่งที่พึงกระทำ และผมอยากจะเห็นรัฐบาลให้คำสัญญาที่ชัดเจนว่าตกลงจะฉีดวัคซีนให้กับคนไทยได้จำนวนมากเท่าไหร่ ในเวลาเท่าไหร่

เรื่องนี้เป็นความเป็นความตายของพี่น้องประชาชน คนหาเช้ากินค่ำ คนที่เป็นแรงงานนอกระบบไม่มีประกันสังคม ไม่มีความมั่นคงในชีวิต รอนานเป็นปีไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีนกันแล้ว อย่างอิสราเอลตั้งเป้าว่าจะฉีดวัคซีนให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ให้ครบจำนวนประชากรในไตรมาสที่ 1

และวันนี้อังกฤษฉีดไปแล้ว 10 เปอร์เซ็นต์ อเมริกา 6-7 เปอร์เซ็นต์ อินโดนีเซียก็เริ่มฉีดแล้ว ผมจึงเป็นกังวลเรื่องนี้ การมีวัคซีนเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ตราบใดที่เราฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมจำนวนประชากรเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันในสังคมไม่ได้ เราก็ยังอยู่ในอุโมงค์ที่มืดมิด” นายธนาธร กล่าว

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนานธนาธร ระบุว่า วันนี้เตรียมพยานหลักฐานมาพอสมควร แต่ต้องรอดูพยานหลักฐานฝั่งผู้กล่าวหาก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่มองว่าเรื่องนี้ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนก็ได้ เพราะเจตนาของนายธนาธร คือต้องการปกป้องประชาชนจากนโยบายที่อาจผิดพลาดของรัฐบาล

นายธนาธร กล่าวต่อว่า “ผมไม่รู้ว่าจะใช้เวลาไต่สวนนานเท่าไหร่ แต่ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ สิ่งที่พูดไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชน เพื่อปกป้องภาษีของประชาชน การสั่งซื้อวัคซีนจากแอสตราเซเนกา เป็นเงินจากประชาชน ใช้ภาษีประชาชน ดังนั้นการตรวจสอบการใช้เงินย่อมเป็นเรื่องที่พลเมืองพึงที่จะกระทำได้” นายธนาธร กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน