เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กล่าวว่า มีสื่อหลายสื่อลงชื่อประเทศที่ผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือมีการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ ได้อาศัยอยู่ ซึ่งตนไม่อยากให้ไประบุถึงประเทศที่เราส่งหนังสือไปถึง ซึ่งตนเพียงแต่บอกว่า 7 ประเทศ 19 คน ที่เรากำลังติดตามอยู่ ซึ่งที่จริงแล้วมีมากกว่านั้นกับกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในระยะนี้ ไม่อยากไปเอ่ยชื่อเป็นบุคคลหรือประเทศที่เขาไปอยู่ แต่ก็มีสื่อหลายสื่อเอาไปลง

แต่เท่าที่ตนทราบและจากการตรวจสอบพบว่า ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวอยู่ขณะนี้น่าจะเป็นเรื่องเก่า ซึ่งปัจจุบันมันไม่ตรงกัน ทั้งตัวบุคคลหรือประเทศ ซึ่งตรงบ้างไม่ตรงบ้าง มันอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศเขาได้ จึงอยากให้ระมัดระวัง เพราะมันเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า แต่ในเนื้อหาที่ตนได้ทำหนังสือไปนั้น เป็นการขอความร่วมมือจากเขา แต่การที่ไปเผยแพร่มันอาจจะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบระหว่างประเทศด้วยเหมือนกัน จึงอยากให้สื่อช่วยกันระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเผยแพร่ ทั้งในโซเชี่ยลมีเดียหรืออะไรก็ตาม ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาทำงานกันอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเป็นห่วง แต่ถ้าเราไปกระจายเรื่องนี้ ในภาวะโอกาสลักษณะแบบนี้ มันขัดแย้งกับเหตุการณ์ที่เรากำลังทำงานกันอยู่ จึงไม่อยากให้คดีในลักษณะอย่างนี้มันปรากฎอยู่ในหน้าสื่อ ขอให้มั่นใจว่าเราไม่ได้ละทิ้งการทำงานในเรื่องนี้ แต่ถ้าเราไปเผยแพร่เหมือนเน้นย้ำอยู่อย่างนี้ มันก็จะย้อนแย้งกับสถานการณ์ที่เราไม่อยากให้ภาพนี้มันเกิดขึ้นมา เราควรที่จะถวายความอาลัย

“ทัศนคติมันไม่สามารถแก้ไขด้วยกฎหมายได้ มันต้องแก้ไขด้วยการสร้างความรับรู้ สร้างความเข้าใจ ผมถึงพูดอย่างนี้เสมอ คนพวกนี้ก็เป็นคนที่พยามจะใช้จังหวะโอกาส ก็คือกลุ่มเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ระบบการสนับสนุนก็เดิมๆ ก็เห็นกันอยู่ สังคมและพี่น้องประชาชนก็น่าจะเห็นได้ ในลักษณะที่เรามีเหตุการณ์ในลักษณะนี้ กลุ่มพวกนี้ยังมีจิตใจที่ทำได้อย่างนี้ ก็ต้องย้อนดูถึงกลุ่มสนับสนุน กลุ่มที่ทำให้เกิดเรื่องพวกนี้มาตลอดเวลา ย้อนไปข้างหลัง ก็จะเห็นไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากที่เรามีข้อมูลข่าวขึ้นมาเลย อยากให้ประชาชนช่วยกันทำให้กลุ่มคนพวกนี้มันหมดไป ไม่ควรจะให้กลุ่มนี้มามีอำนาจ อิทธิพล มันเป็นเรื่องที่ชัดเจนมาก เขาไม่เว้น และฉวยโอกาสที่จะทำเรื่องพวกนี้อยู่ตลอด ผมถึงว่ามันทำร้ายจิตใจและรับไม่ค่อยได้ ซึ่งผมเชื่อว่าคนไทยรู้ว่าเป็นใคร” รมว.ยธ. กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน