เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบนายวิศิษฐ์ วิศิษฐ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมในคดีของนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครู ที่ออกมาร้องขอความเป็นธรรมว่าตนเองแพะในคดีขับรถชนคนเสียชีวิตโดยประมาท

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สำหรับคดีครูจอมทรัพย์นั้น มีหลักฐานชัดแจ้งว่าคดีนี้มีทั้งกระบวนการรับจ้างติดคุก รับจ้างรื้อฟื้นคดี โดยนำกระบวนการยุติธรรมไปเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ซึ่งมีกลุ่มบุคคลในหน่วยงานราชการรู้มาตั้งแต่ต้นว่ามีการว่าจ้างเกิดขึ้น แต่ทางหน่วยงานดังกล่าวไม่หยุดช่วยเหลือ และยังดำเนินการช่วยเหลือโดยนำงบประมาณแผ่นดินไปใช้จ่ายจำนวนมาก วันนี้ตนจึงนำหลักฐานทั้งหมดมาให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ตนนำเอกสารจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสถาบันพระจอมเกล้าธนบุรี กรมการขนส่งทางบก และบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นการตรวจพิสูจน์รถกระบะ ทะเบียน บค 56 สกลนคร คันก่อเหตุ โดยผลตรวจแผ่นป้ายทะเบียนของสถาบันเทคโนโลยีนั้น ไม่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน ซึ่งเมื่อนำภาพป้ายทะเบียนจาก 12 ปีที่แล้ว บอกว่าเป็นไปได้ว่าจะมีการชนเนื่องจากมีรอยแตกของสีตรงเลข 5 และรูน็อตบนแผ่นป้ายทะเบียนที่กระทรวงยุติธรรมนำไปให้ตรวจสอบ กับภาพจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อ 12 ปีที่แล้วไม่ตรงกัน สอดคล้องกับกรมการขนส่งทางบก ว่านางจอมทรัพย์ ได้ไปแจ้งป้ายทะเบียนหายและขอป้ายทะเบียนใหม่

ส่วนทางโตโยต้าแถลงผลการตรวจสอบว่า มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนรถในจุดที่มีรอยชน คือบริเวณมุมซ้ายด้านหน้าของรถยนต์ และทั้ง 3 หน่วยงานสรุปมาว่า ไม่สามารถตรวจพบรอยเฉี่ยวชน ซึ่งขัดกับการแถลงข่าวของรองปลัดกระทรวงยุติธรรมว่าตรวจไม่พบรอยเฉี่ยวชน ดังนั้น รถกระบะคันที่พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ ส่งไปให้ทั้ง 3 หน่วยงานทดสอบนั้น มีการสวมทะเบียนและเปลี่ยนชิ้นส่วนของรถ

นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า ตนขอเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบ คือ 1.ตรวจสอบการใช้งบประมาณในการใช้ตรวจพิสูจน์หลักฐานเพื่อรื้อฟื้นคดีให้ครูจอมทรัพย์ 2.มีการทำหลักฐานเท็จให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเซ็นชื่อ 3.ตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกี่คน และที่สำคัญทนายความที่ใช้ในคดีนั้นไม่ใช่ของกระทรวงยุติธรรม แต่พบว่ามีสัญญาจ้าง ดังนั้น จึงขอให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ต.อ.ดุษฎี เพื่อเรียกเงินที่นำไปใช้ในคดีช่วยเหลือครูจอมทรัพย์ กลับคืนเนื่องจากการทำหน้าที่ดังกล่าวสร้างความเสียหายแก่รัฐ

ด้าน นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องของการรื้อฟื้นคดีอยู่ในกระบวนการยุติธรรมขอความเป็นธรรม ทางกระทรวงได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการแล้วเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นกระทรวงจะไม่ตั้งเป็นว่าใครผิดหรือไม่ผิด เราจะต้องการความจริงให้ปรากฏ ซึ่งคำสั่งในการตั้งกรรมการมีก่อนหน้านี้แล้ว

นายวิศิษฐ์ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่มีข้อกังวลใจคือ การทำงานในด้านการรื้อฟื้นคดีมีมาก่อนหน้านี้แล้ว และมีระเบียบในการจัดการ มีความชัดเจน ซึ่งระเบียบในส่วนนี้คาดว่าจะออกมาได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ จนกว่าผลการสอบสวนจะออกมาจากคณะกรรมการ ตนยังไม่สามารถระบุอะไรชัดเจนได้ ไม่สามารถออกความเห็นใดใดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ คาดว่าเป็นระยะเวลาประมาณ 30 วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน