เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 พ.ย. ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า นายพิเชษฐ นางสุกัลยา และ น.ส.สุพิชชา ตัญกาญจน์ บิดา มารดา และพี่สาวของ “น้องเมย”ภัคพงษ์ นักเรียนเตรียมทหารที่เสียชีวิต พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิพนธ์ พานิชเจริญ รองผบช.ภ.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.นครนายก ได้เดินทางมารับชิ้นส่วนอวัยวะของน้องเมยที่ห้องรับศพของทางโรงพยาบาล

พล.ต.ธารา พูนประชา ผอ.พยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฏเกล้า เปิดเผยว่า ในทางกฎหมายอนุญาตให้เก็บอวัยวะอยู่แล้ว โดยไม่ต้องขอความยินยอม มันเป็นวัตถุพยาน เพราะต้องไม่ให้ใครมาทำลายวัตถุพยาน ในการเก็บส่วนอวัยวะนั้น เป็นความรอบครอบของทางเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว สาเหตุการตายอย่างฉับพลันของคนส่วนใหญ่นั้น เกิดจาก หัวใจ สมอง หรือปอด ทั้งนี้ ต้องขออธิบายว่าเพราะเหตุใดถึงไม่ขออนุญาต เนื่องจากถ้าเป็นศพที่ป่วยตายในโรงพยาบาล ต้องขออนุญาตจากทางญาติของผู้เสียชีวิต

พล.ต.ธารากล่าวว่า แต่กรณีดังกล่าวเป็นการตายผิดธรรมชาติ มีทั้งหมด 5 ประเภท คือ 1.ฆาตกรรม 2.ถูกทำให้ตาย 3.ฆ่าตัวเองตาย 4.กินยาพิษ และ5.ตายโดยไม่รู้สาเหตุ จึงเป็นกฎหมายที่ให้ทางนิติเวชเก็บอวัยวะไว้ได้ แต่กรณีดังกล่าวก็ถือเป็นบทเรียนของทางเจ้าหน้าที่ว่าการดูแลศพ ก็ต้องดูแลจิตใจคนไข้ด้วย คำที่หมอก่อนหน้านี่ได้ให้สัมภาษณ์ไปนั้น คือรู้แล้วว่าหัวใจล้มเหลวอย่างฉับพลัน แต่มันจะมีคำวินิจฉัยทางการแพทย์คือ (ไฮเปอร์โทรฟี่) คือ “เป็นการเรียงของเส้นกล้ามเนื้อหัวใจผิดระเบียบ”

พล.ต.ธารากล่าวว่า พอมีการเรียงผิดระเบียบ ก็จะทำให้เกิดแผลเป็น และแผลเป็นนี้จะไปกดไฟฟ้าของหัวใจ ปกติหัวใจจะทำงานในระบบไฟฟ้า ทั้งนี้ไฮเปอร์โทรฟี่ และไฮเปอร์เวนติเลชั่น คือ “เกิดจากความเครียดจากจิตใจ และทางจิตสังคมจนทำให้อาการทางการหายใจลึกแล้วหายใจเร็วเกินกว่าความต้องการของร่างกาย ทำให้ร่างพยายามขับออกซิเจนส่วนเกินออก จนเกิดอาการหายใจติดขัดแน่หน้าอก มือจีบ ซึ่งไม่เหมือนกันและไม่คล้ายกันแต่อย่างใด ทั้งนี้ไฮเปอร์เวนติเลชั่นไม่สามารถทำให้คนเสียชีวิตได้

ผอ.พยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฏเกล้า กล่าวว่า ทั้งนี้ เกิดจากคนไข้มีอาการน้อยใจ ทำให้คนไข้วูบได้ แต่ตนไม่ทราบประวัติของคนไข้รายนี้ เพราะตนยังไม่ได้รับโอพีดีของโรงพยาบาลนายร้อยพระจุลเกล้าและโรงเรียนเตรียมจึงไม่ทราบถึงรายละเอียด คือในโรงพยาบาลพยาธิแพทย์จะทำงานในระบบตาม QC ของโรงพยาบาล ซึ่งตอนนี้ของเรายังไม่นิ่ง ยังไม่มีใครทราบจากตน ทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงออกมาให้ข่าวเช่นนั้น เพราะโดยธรรมชาติช่วงนี้เด็กจะเสียชีวิต เพราะโรคฮีทสโตรก หรือโรคลมร้อนเยอะ ท่านก็เลยอาจจะตอบไป เนื่องจากนักข่าวถามก็ต้องตอบถ้าหากนิ่งก็คือว่าไม่ตอบสนอง

พล.ต.ธารากล่าวว่า สำหรับพยาธิแพทย์จะพูดอะไรหรือให้คำตอบอะไรไปนั้นต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ อย่าที่ออกไปขณะนี้คือคนไข้คนนี้หัวใจหยุดเต้นโดยฉับพลันแต่การหยุดเต้นโดยฉับพลันตรงนี้เกิดจากอะไร ปกติการฉับพลันคุณหมอที่ จปร. จะต้องแจ้งตนถึงจะทราบสาเหตุได้ถ้าหากถามว่ามีการซ้อมหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบตรวจนี้ไม่มี มีเพียงการผิดปกติของหัวใจ สำหรับภาวะปอดคั่งเลือดเกิดจากการที่หัวใจหยุดเต้น แต่สำหรับกรณีคนไข้นี้ที่ปอดคั่งเลือดเป็นปกติที่คนที่หัวใจหยุดเต้นเพราะเลือดที่เคยไปเลี้ยงหัวใจมันไม่มีจึงกลับย้อนสู่ปอด อาจหมายถึงเลือดไม่หมุนเวียนนั้นเอง ซึ่งตนผ่าศพมาทุกครั้งส่วนใหญ่ก็จะมีเลือดคั่งปอดจะพบได้ในคนไข้ที่ช็อก หรือหัวใจหยุดเต้นได้เสมอ

พล.ต.ธารา กล่าวต่อว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าอวัยวะชิ้นส่วนเหล่านี้เป็นของคนไข้หรือไม่ ต้องทำการตรวจสอบยีนส์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ของบอกก่อนว่าตนไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในกรณีดังกล่าว และไม่จำเป็นต้องไปปกป้องโรงเรียนเตรียมทหาร ตนเหมือนเสาหลักเป็นศาลตัดสินไม่มีการเอนเอียงไม่มีใครมาบังคับตนได้ และถ้าหากโดยบังคับตนจะลาออก เพราะเราต้องเคารพศพที่เสียชีวิตและญาติของผู้เสียชีวิต ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนของทางหน่วยงานที่เราดูแค่ศพและลืมนึกถึงจิตใจญาติ ทั้งนี้จะกลับไปพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวด้วยจริงๆ

พล.ต.ธารา ยังกล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีการเก็บชิ้นส่วนอวัยวะไว้นั้น ทางสถาบันจะไม่ทิ้ง จะนำไปทำบุญกุศลสวดอภิธรรมปีละ 1-2 ครั้งแล้วแต่จำนวนอวัยวะ เพื่ออุทิศส่วนกุศล จึงนำไปทิ้งไม่ได้อยู่แล้ว

ด้านน.ส.สุพิชชา กล่าวว่า กรณีดังกล่าวแปลว่าทางกฎหมายก็ไม่ได้มีบรรทัดฐานอะไรที่บอกว่าต้องขออนุญาตญาติก่อนแบบนั้นหรือ จากที่ฟังคุณหมอพูดเหมือนคุณหมอยังทำไม่เสร็จ ถ้าให้คุณหมอทำต่ออาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม แล้วทำไมถึงมีผลรายงานออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว กรณีที่ยังไม่สามารถสรุปผลได้ก็สามารถใช้หลายคำที่หลีกเลี่ยง อาทิ ผลยังไม่แน่ชัด ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ ควรใช้คำแบบนี้มากกว่าที่จะสรุปผลว่าคนไข้เป็นโรคอะไร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางครอบครัวต้องการเพียงแค่ผลรายงานชิ้นส่วนอวัยวะว่ามีอะไรบ้าง และทำอะไรไปแล้วบ้าง ทั้งนี้ต้องชี้แจ้งว่าตนและทางครอบครัวไม่ได้มาเร่งเพราะเข้าใจว่าเสร็จแล้วเนื่องจากผลชันสูตรออกมาเป็นรายงานแล้วจึงมาของรับอวัยวะคืน

ส่วนนายพิเชษฐ เปิดเผยว่า ขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้พูดว่าให้เอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พูดว่าเป็นโรคฮีทสโตรกมั่ง เป็นทหารต้องอดทนมั่ง และผบ.ทสส.ได้ออกมาพูดว่าแถลงข่าวก็ดี คือท่านพูดได้อย่างไร ไม่เห็นคุณค่าของลูกผมเลยหรอครับ แค่ลำพังลูกเสียชีวิตครอบครัวผมก็เสียใจพอแล้ว ต้องให้แม่มายืนร้องไห้ทุกวันๆ ต่อหน้านักข่าว

ท่านลองดูสภาพครอบครัวผมสิครับ ไหนจะผอ.โรงพยาบาลเตรียมทหารที่ออกมาพูดว่ามีการสื่อสารผิดพลาดมั่ง และพูดว่าผมไม่รู้ว่าคุณจะไปผ่ารอบสอง ลักษณะการพูดแบบนี้มันคืออะไร ให้ทางโรงเรียนเขาตอบ

หัวอกคนเป็นพ่อถ้าลูกคุณตาย คุณจะเสียใจหรือไม่ แค่มาเรียนเป็นนักเรียนเตรียมทหาร มากิน มานอน มาออกกำลัง ถึงขนาดจะต้องเสียชีวิตเลยหรือ ก็อยากฝากถึงผู้ใหญ่ในประเทศที่บอกว่าลูกตนไม่อยากเรียนมั่ง อะไรมั่ง มีโรคประจำตัว ต่างๆนานา

“อย่างหัวใจหยุดเต้นฉับพลัน หรือหัวใจวาย ก็ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าเกิดจากอะไร ก็ได้ยินแต่คำตอบแบบเดิม ๆ จากที่ไหนก็ดี และสิ่งที่ไม่พอใจคือคุณเก็บอวัยวะลูกของผมโดยที่ไม่บอกผมถ้าผมเผาไปแล้วคุณจะให้ผมรู้สึกอย่างไรเผาลูกไปทั้งที่อวัยวะไม่ครบ

 

โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย ทำนองว่า “ผมก็เคยโดนซ่อมจนสลบ แต่ไม่ตาย จะเป็นทหารต้องเตรียมใจ” ดูคลิปสัมภาษณ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน