เมื่อวันที่ 29 พย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (UNOHCHR) ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวและยกเลิกข้อกล่าวหาผู้ชุมนุมทุกรายที่ถูกจับกุมขณะเดินประท้วงอย่างสันติ ต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินขนาด 2,200 เมกะวัตต์ที่จังหวัดสงขลา ภาคใต้ของประเทศไทย

ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ชาวบ้านประมาณ 100 คนจากอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ได้ร่วมชุมนุมเพื่อยื่นหนังสือแก่นายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดภาคใต้ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ทหารในท้องถิ่น เข้าทำการสกัดการชุมนุมและจับกุมตัวชาย 17 คน ซึ่งรวมถึงผู้สื่อข่าวในท้องถิ่นและเด็กวัย 16 ปี

ผู้ชุมนุมทั้ง 16 คนถูกตั้งข้อหาร่วมกันเดินอันเป็นการกีดขวางการจราจรตามพรบ. ทางหลวง และต่อสู้หรือจัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งได้กระทำการตามหน้าที่ตามมาตรา 138 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งผู้ชุมนุมอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี หากพบว่ากระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ทั้งนี้ ผู้ชุมนุม 15 คนยังคงถูกควบคุมตัว ขณะที่เด็กวัย 16 ได้รับการประกันตัวเมื่อวานนี้

โดย ซินเธีย เวลิโก ตัวแทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้กล่าวว่า “การประท้วงอย่างสันติเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของสังคมประชาธิปไตยเพื่อก่อให้เกิดสำนึกรับผิดชอบและการมีส่วนร่วมของสาธารณชน”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้รับรายงานหลายครั้งกรณีชาวบ้านในชุมชนและนักกิจกรรมผู้ประท้วงโครงการพัฒนาอย่างสันติเนื่องจากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพและความเป็นอยู่ ถูกข่มขู่จากทางการและบริษัทผู้พัฒนาโครงการ

สมาชิกในชุมชนและนักกิจกรรมในประเทศไทยจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกปลิดชีวิต ทำร้ายร่างกาย ตั้งข้อหาทางอาญาว่าทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และยังถูกขัดขวางไม่ให้ชุมนุมอย่างสันติหรือเข้าร่วมในการอภิปรายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาต่างๆ อีกด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ล้วนตรงข้ามกับพันธสัญญาที่ประเทศไทยทำไว้อย่างแน่นแฟ้นในเรื่องเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนและหลักการชี้นำของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน

“เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลไทยต้องดำเนินขั้นตอนสำคัญเพื่อให้เกิดการหารือกับสาธารณะอย่างสม่ำเสมอ บนพื้นฐานของความสุจริตใจ และเพื่อให้ได้รับความยินยอมที่เป็นอิสระบนพื้นฐานของการได้รับข้อมูลเพียงพอและล่วงหน้าจากชุมชนผู้ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาด้วยวิธีที่มีความหมาย ตามที่รัฐธรรมนูญไทยได้รับประกันไว้” ซินเธีย เวลิโก กล่าว

โดย ซินเธีย เวลิโก ได้กล่าวย้ำอีกว่า “เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยรับประกันสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติและสิทธิในการแสดงความคิดเห็น รวมทั้งขอให้คุ้มครองความปลอดภัยและเกียรติของสมาชิกชุมชนตลอดจนผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน ในวิถีที่สอดคล้องกับพันธะของประเทศไทยภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศด้วย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน