ศบค.แจงยิบแผนคุม 13 จว.แดงเข้ม ห้ามออกจากบ้านช่วงเคอร์ฟิว นอกเวลาขอให้งด เว้นซื้ออาหาร ยา พบแพทย์ ฉีดวัคซีน ชี้ถ้าไร้มาตรการ คาดติดสูงสุด 3.1 หมื่นรายต่อวัน

เมื่อวันที่ 19 ก.ค.64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) กล่าวว่า มีการคาดการณ์การติดเชื้อโควิดของประเทศไทย 2 รูปแบบ คือ 1.คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ ม.มหิดล นำข้อมูลตั้งแต่ 12 ม.ค. 63 – 17 ก.ค. 64 วิเคราะห์ว่าถ้าไม่ทำอะไร ไม่ช่วยกันปล่อยติดเชื้อเรื่อยๆ จะติดสูงถึง 31,997 รายต่อวัน หากทำให้ดีที่สุดอยู่ที่ 9,018-12,605 ราย และ 2.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ใช้รูปแบบการคาดการณ์และการฉีดวัคซีนที่จะเกิดขึ้นถึงปลายปี โดยจะมีการพีกในช่วง ส.ค. – ก.ย. และเริ่มหักหัวลง

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับข้อกำหนดตามมาตรา 9 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) ออกเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2564 กำหนดจังหวัดควบคุมสุงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จาก 10 จังหวัดเพิ่มเป็น 13 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) จาก 24 จังหวัดเป็น 53 จังหวัด พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 25 จังหวัดเหลือ 10 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 18 จังหวัดลดเหลือ 1 จังหวัด คือภูเก็ต

ทั้งนี้ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ได้แก่ กทม. นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ที่เพิ่มมาคือ ชลบุรี ฉะเชิงเทราและพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมาตรการคือห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิวช่วงเวลา 21.00-04.00 น. ส่วนเวลาอื่นให้งดออกนอกเคหสถานโดยไม่จำเป็นเช่นกัน ยกเว้นการเดินทางจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต คือ อาหาร ยา เวชภัณฑ์ พบแพทย์ รักษาพยาบาล รับวัคซีน รประกอบอาชีพที่ไม่สามารถ Work From Home ได้ โดยจะตั้งด่านบริเวณขอบของจังหวัดแดงเข้ม รวมถึงด่านตรวจภายในการเข้าออกเส้นสมุทรปราการไปภาคตะวันออกด้วย ทำให้การเดินทางเข้าออกไม่สะดวก เพราะจะมีการตรวจเอกสาร 3 อย่าง คือ หลักฐานการอนุญาตจากเจ้าพนักงานในพื้นที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เป็นต้น ใช้แอพพลิเคชันไทยชนะที่ด่านตรวจ และลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ COVID19.in.th แสดงคิวอาร์โคดต่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจ

“ถ้าไม่จำเป็นอย่าเดินทาง อยู่ในเคหสถาน ทั่วโลกใช้ล็อกดาวน์ คือ อยู่กับบ้านสำคัญสูงสุดเป็นหลักการสากล ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหารจะทำงานด้านนี้เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะด่านถ้ารถมากก็ยิ่งติดไม่สะดวกในการเดินทาง ความสะดวกสบายไม่เกิดขึ้น ทำให้ต้องตัดสินใจใหม่ไม่อยากออกจากบ้าน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันนี้” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ส่วนขนส่งสาธารณะ ให้กระทรวงคมนาคม กทม. จังหวัด หน่วงานรับผิดชอบ จำกัดจำนวนผู้โดยสาร 50% ของความจุยานพาหนะแต่ละประเภท การจำหน่ายอาหารให้ขายกลับบ้านถึง 20.00 น. ห้างให้เปิดเฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ยาและเวชภัณฑ์ และพื้นที่ฉีดวัคซีนเท่านั้นถึง 20.00 น. ส่วนร้านวัสดุอุปกรณ์ห้างซ่อมบ้าน โทรคมนาคม ธนาคาร โรงพยาบาล คลินิกรักษาโรค ร้านขายยา ร้านค้าทั่วไป ที่อยู่นอกห้างให้เปิดได้

ส่วนสวนสาธารณะ ร้านตัดผมต่างๆ ให้รอการประกาศของแต่ละจังหวัดว่าจะมีมาตรการอย่างไรต่อไป ส่วนโรงแรมห้ามจัดประชุม สัมมนา จัดเลี้ยง ร้านสะดวกซื้อตลาดสดเปิดถึง 20.00 น. แต่หากมีการติดเชื้อสูงแต่ละจังหวัดพิจารณาสั่งปิดได้ตามความจำเป็น โรงเรียนสถาบันการศึกษายังปิดอยู่ ห้ามรวมกลุ่มเกิน 5 คน ที่เคยอนุญาตแล้วให้ขอใหม่ การอบรมสัมมนาภาครัฐให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนราชการ Work From Home ให้สูงที่สุดเต็มจำนวน ฝ่ายเอกชนก็ขอความร่วมมือเช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน