ปีติ-สมเด็จพระเทพ ทรงไหว้ ทูลกระหม่อมหญิง

น้ำพระทัย”พระบรมฯ” เลี้ยงอาหาร 1.2 หมื่นชุด มท.รับตจว. 2.55แสน ถวายสักการะบรมศพ

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารทรงห่วงใยพสกนิกร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นำอาหารและน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่าย 3 เวลา ตั้งโต๊ะบริเวณท้องสนามหลวงฝั่งตรงข้ามประตูมณีรัตน์ เผยภาพสุดประทับใจ สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงไหว้ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี หลังทรงบำเพ็ญพระราชกุศล สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ล่วงเข้าวันที่ 9 พสกนิกรยังคงหลั่งไหลเนืองแน่นเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ล้นศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง ด้าน มท.แจงแนวทางอำนวยความสะดวกประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาจากต่างจังหวัด ปลัดกฤษฎาระบุกำหนดวันละ 5 จังหวัด จังหวัดละ 600 คน รวม 3,000 คน เป็นเวลา 79 วัน และวันละ 6 จังหวัด จังหวัดละ 600 คน รวม 3,600 คน เป็นเวลา 5 วัน รวม 84 วัน กว่า 2.5 แสนคน ตั้งแต่29ต.ค.นี้ถึง20ม.ค.ปีหน้า โดยให้ทุกจังหวัดรวบรวมเน้นกลุ่มประชาชนทั่วไปเป็นหลัก

บำเพ็ญพระราชกุศลวันที่ 10

เมื่อเวลา 07.03 น. วันที่ 23 ต.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วย คุณพลอยไพลิน และคุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช การนี้ นายเดวิด วิลเลอร์ สามีคุณพลอยไพลิน และคุณแม็กซิมัส จุลรัตน์ วิลเลอร์ บุตรชาย พระราชปนัดดา ตามเสด็จด้วย

เวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราช ดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีพระพิธีธรรม 8 รูปจากวัดบวรนิเวศวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร

ทั้งนี้ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงไหว้ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

จากนั้นเวลา 21.00 น. สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จฯมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวด พระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เมื่อเวลา 20.10 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จประทานอาหาร ได้แก่ ผัดไท บะหมี่แห้งหมูแดง ซาลาเปา ขนมเค้ก และส้ม จำนวน 250 กล่องให้กับประชาชน โดยระหว่างเสด็จประชาชนต่างพร้อมใจกันเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ทั้งนี้ทรงโบกมือทักทายและรับสั่งถามว่าเหนื่อยไหม หิวไหม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ทูลกระหม่อมฯ ประทานอาหารกล่องสุดท้ายให้กับคุณยายอายุประมาณ 70-80 ปี ทรงถามว่า สบายดีมั้ย คุณยายคนดังกล่าวตอบว่า ช่วงนี้ก็ดีอยู่ค่ะ แต่เป็นห่วงสามีที่เป็นโรคเบาหวาน ทูลกระหม่อมฯรับสั่งด้วยความห่วงใยว่า ให้ดูแลกันนะ อย่า ให้กินของหวานเยอะนะ ทำให้คุณยายถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจที่ทรงห่วงใย

พระบรมฯพระราชทานอาหาร

วันที่ 23 ต.ค. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ และลงนามแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่กองงานในพระองค์ นำอาหารและน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่าย ให้ประชาชน โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งโต๊ะบริเวณ ท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามประตูมณีรัตน์

เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่า อาหารพระราชทาน มี 3 เวลา ประกอบด้วย อาหารเช้า เป็น ข้าวเหนียวหมูทอด พร้อมนม มื้อกลางวัน เป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ต้มยำ ข้าวหมูแดงหมูกรอบ มื้อเย็น เป็นแกงส้ม และกระดูกหมูทอด ส่วนอาหารว่างเป็นซาลาเปาและขนมไทย วันนี้ นำอาหารมามอบให้ประชาชนประมาณ 12,000 ชุด โดยจะเน้นมื้อกลางวันและมื้อเย็น จัดเตรียมให้ผู้มาร่วมงานมื้อละ 5,000 ชุด

เผยพระพิธีธรรมสวดทำนองหลวง

วันเดียวกัน กองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา เปิดเผยว่า การสวดพระอภิธรรมพระบรมศพในการพระราชพิธีบำเพ็ญ พระราชกุศลพระบรมศพ พระพิธีธรรมในแต่ละวันจะสวดพระอภิธรรมคัมภีร์ในทำนองหลวงแตกต่างกันไป โดยทำนองหลวงที่พระพิธีธรรมใช้ในพระราชพิธีครั้งนี้ มี 4 ทำนองหมุนเวียนในแต่ละวัน ได้แก่ 1.ทำนองกะ แยกเป็น 2 ลักษณะ คือ กะเปิด เป็นการสวดที่เน้นการออกเสียงคำสวดชัดเจน และ กะปิด เป็นการสวดที่เน้นการสวดเอื้อนเสียงยาวต่อเนื่องกันตลอดทั้งบท ไม่เน้นความชัดเจนของคำสวด 2.ทำนองเลื่อน หรือทำนองเคลื่อน เป็นทำนองการสวดที่ว่าคำสวด ไม่เน้นความชัดเจนของคำสวด และเอื้อนเสียงทำนองติดต่อกันไปโดยไม่ให้เสียงขาดตอน 3.ทำนองลากซุง เป็นทำนองการสวดที่ต้องออกเสียงหนักในการว่าคำสวดทุกๆ ตัวอักษร เอื้อนเสียงทำนองจากหนักแล้วจึงแผ่วลงไปหาเบา และ 4.ทำนองสรภัญญะ เป็นทำนองการสวดที่ว่าคำสวดชัดเจนและมีการเอื้อนทำนองเสียงสูง-ต่ำไปพร้อมกับคำสวดนั้นๆ

มท.จัดแผนงานรับปชช.ตจว.

วันเดียวกัน นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่สำนักพระราชวังได้ประกาศให้ประชาชนได้เข้าเฝ้าฯกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังจากพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ทุกวัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. เวลา 13.00 น. นั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้มีนโยบายให้กระทรวงมหาดไทยอำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนจากต่างจังหวัดที่จะเดินทางมาร่วมเข้าเฝ้าฯกราบถวายบังคมพระบรมศพ โดยมอบหมายให้ตนจัดทำ แผนงานในการอำนวยความสะดวก และให้ กรมการปกครองเป็นหน่วยงานหลักในการประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค

ให้จังหวัดรวบรวมเน้นบริการปชช.

นายกฤษฎา กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยจึงได้กำหนดแผนดำเนินงานอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนจากต่างจังหวัด โดยกำหนดเป้าหมายจำนวนคนจากจังหวัดต่างๆ วันละ 5 จังหวัดๆ ละ 600 คน รวมวันละ 3,000 คน เป็นเวลา 79 วัน และกำหนดวันละ 6 จังหวัดๆ ละ 600 คน รวมวันละ 3,600 คน เป็นเวลา 5 วัน รวม 84 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.59 ถึงวันที่ 20 ม.ค.60 โดยจะสามารถอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนจากต่างจังหวัดได้รวม 255,000 คน ทั้งนี้ ให้ทุกจังหวัดรวบรวมประชาชน เน้นกลุ่มประชาชนทั่วไปเป็นหลัก และมีข้าราชการ ผู้บริหาร/พนักงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตามความเหมาะสม และกำหนดเส้นทางการเดินทาง จุดพักระหว่างทาง จุดพักคอยก่อนเข้าพื้นที่เป้าหมาย และจุดรับ-ส่งประชาชนของจังหวัดแต่ละภาค กำหนดวันเดินทางของแต่ละจังหวัด ให้เดินทางวันละ 5 จังหวัด ครอบคลุมทั้ง 4 ภาค และจัดลำดับก่อน-หลังตามลำดับตัวอักษรชื่อจังหวัดของแต่ละภาค

ปลัดมท.กล่าวด้วยว่า ด้านการจัดระบบบริการในระหว่างเดินทาง ให้จัดเจ้าหน้าที่ประสานงานส่วนกลาง ผู้ประสานงานของจังหวัด และผู้ประสานงานประจำรถแต่ละคัน จัดเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำรถ รวมทั้งจัดบริการอาหาร น้ำดื่ม ห้องสุขา ประจำจุดพักระหว่างทาง และจุดพักคอยให้พร้อมทุกจุด และมีระบบการรายงานเพื่อให้ทราบถึงผลการดำเนินงานประจำวันและการดำเนินงาน ในภาพรวมด้วย

พสกนิกรล้นถึงสนามหลวง

เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง โดยสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามสมุดหลวงเพื่อแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นวันที่ 9 ตั้งแต่เวลา 08.04 น. มีประชาชนและคณะบุคคลที่ต่างแต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์ทยอยเข้ามาไม่ ขาดสาย โดยเดินเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ต่อแถวเรียง 4 อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดให้ประชาชนเข้ามาภายในศาลาสหทัยสมาคมรอบละประมาณ 70 คน อย่างไรก็ตาม ด้วยประชาชนมีจำนวนมาก ปลายแถวจึงยาวล้นเข้าไปในพื้นที่ท้องสนามหลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าศาลาสหทัยสมาคม สำนักพระราชวังได้กางเต็นท์ไว้เพื่อให้ประชาชนได้มีที่หลบแดดและฝน นอกจากนี้ยังมีหน่วยกู้ชีพ นักศึกษาจิตอาสา ลูกเสือและเนตรนารีอาสาสมัครมานำรถเข็นมาดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้บริการน้ำดื่มฟรี อย่งไรก็ตาม แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว แต่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าต่างเดินทางมาแสดงความไว้อาลัย ประชาชนส่วนหนึ่งปักหลักพักค้างคืนอยู่ที่สนามหลวงหลังร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีในวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ส่วนหนึ่งเดินทางมาตั้งแต่เช้ามืด

นิสิตจุฬาฯ 3 พันเข้าถวายสักการะ

เมื่อเวลา 11.05 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าศาลาสหทัยฯ มีคณะอาจารย์และนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัยจำนวนกว่า 3,000 คน เข้าถวาย สักการะพระบรมศพและร่วมกันกล่าวบทอาเศียรวาทน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ โดยทั้งหมดเดินเท้ามาจากอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตย เข้ามาทางประตูสวัสดิโสภา ผ่านประตูมณีนพรัตน์มายังสนามหญ้าหน้าศาลาสหทัยฯ

รศ.ดร.บัญชา ชลาภิรมย์ รองอธิการบดี ด้านการพัฒนานิสิตและนิสิตเก่าสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เวลา 07.00 น. นิสิตได้รวมตัวกันสักการะพระบรมรูป 2 รัชกาลที่จุฬาฯ จากนั้นเวลา 08.30 น. ได้เดินทางถวายบังคมพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 บริเวณลานพระราชวังดุสิต ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกปี แต่ในปีนี้เกิดความ สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ จึงได้นัดแนะผ่านทาง โซเชี่ยลมีเดียตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อรวมตัวกันมาสักการะพระบรมศพ ปรากฏว่ามีนักศึกษาพร้อมใจกันมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ 3,000 กว่าคนด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นองค์พระบรมราชูปถัมภ์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รักษาความปลอดภัยเต็มอัตรา

ด้านการรักษาความปลอดภัยรอบบริเวณพระบรมมหาราชวัง เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 5 จำนวน 1 กองร้อย ตั้งจุดคัดกรอง โดยนำเครื่องสแกนวัตถุอันตรายมาตั้งตามจุดต่างๆ ก่อนเข้าสู่บริเวณพระบรมมหาราชวัง รวม 7 จุด ได้แก่ด้านหน้าแยกหน่วยบัญชาการกำลังสำรอง, แยกท่าช้าง, แยกถนนพระจันทร์, หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, แยกเจดีย์ขาว, แยกผ่านพิภพลีลา และถนนสนามไชย แยกกระทรวงกลาโหม พร้อมทั้งตรวจค้นกระเป๋าผู้ที่เดินทางเข้ามาภายในบริเวณจัดงาน เพื่อป้องกันเหตุอันตราย โดยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในช่วงวันหยุดยาว เนื่องจากมีประชาชนเดินทางเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน นำอาหาร-เครื่องดื่มมาแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงาน บางส่วนช่วยเก็บขยะและคอยแนะนำวิธีการทิ้งและคัดแยกขยะแก่คนอื่นๆ ทั้งนี้ เต็นท์ของกระทรวงศึกษาธิการที่เปิดบริการย้อมผ้าฟรีให้กับประชาชน ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านการเดินทางมาพระบรมมหาราชวัง ประชาชนสามารถใช้รถสาธารณะที่ให้บริการฟรี รวมถึงเรือโดยสารที่จอดในท่าเทียบเรือใกล้พระบรมมหาราชวัง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรติดขัด

คนไข้ในพระราชูปถัมภ์สักการะ

เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ตลอดช่วงบ่ายยังคงมีประชาชนและคณะบุคคลแต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว โดยในจำนวนดังกล่าวมี น.ส.อักษร มานะเฟรม อายุ 48 ปี และนายสุทธิ วัดสมัย อายุ 51 ปี สามีภรรยา ซึ่งเป็นผู้พิการเดินไม่ได้ รวมอยู่ด้วย โดยน.ส.อักษรเผยว่า ตนและสามีตั้งใจเดินทางมาสักการะพระบรมศพ แม้จะเดินทางยากลำบาก เพราะต้องนั่งรถเข็นทั้งคู่ แต่โชคดีที่คนไทย มีน้ำใจช่วยพาตนและสามีเข็นรถมาถึงที่หน้าศาลาสหทัยฯ

น.ส.อักษรกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า พระองค์ท่านทรงมีบุญคุณมาก ในช่วงปี 2537 ตนป่วยเป็นเนื้องอกที่ขาข้างซ้าย ต้องรับการผ่าตัด แต่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ในขณะนั้นไม่มีเงินมากพอที่จะรักษาได้ กระทั่งได้เป็นคนไข้ในพระราชูปถัมภ์ของพระองค์ท่าน จึงได้รักษาจนหายดี ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้

ด้านนายสุทธิ ผู้พิการเดินไม่ได้จากอุบัติเหตุในปี 2541 กล่าวว่า น้อมนำพระราชดำริของพระองค์ท่านมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น หลักเศรษฐกิจพอเพียง จะไม่ใช้จ่ายเกินรายได้ ประหยัดอดออม เราทั้งสองทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ตนเป็นช่างซ่อมบำรุงห้องเครื่อง ส่วนใหญ่ทำงานด้านเอกสาร หรือหากซ่อมได้ก็จะช่วยซ่อม ส่วนภรรยาทำงานด้านผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ ก็ได้น้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ โดยตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ นำหลักความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง

รวม 3.6 หมื่นถวายสักการะวันที่ 9

ต่อมาเวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ประชา สัมพันธ์ให้ทราบว่า บัตรคิวที่แจกให้ผู้ที่จะมาลงนามแสดงความไว้อาลัยนั้นได้หมดลงแล้ว และเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายา ลักษณ์และลงนามแสดงความไว้อาลัย ณ ศาลาสหทัยสมาคม โดยมีจำนวนประชาชนเข้าถวายสักการะในวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ 9 ทั้งสิ้น 36,486 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นจำนวน 1,304,870.00 บาท รวมเป็นเงิน 5,479,954.25 บาท

กทม.ประชาสัมพันธ์ข้อปฏิบัติ

เวลา 15.00 น. ที่กองอำนวยการร่วมกรุงเทพมหานคร (กทม.) น.ส.ตรีดาว อภัยวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการ กทม. และโฆษกกทม. กล่าวว่า ขอทำความเข้าใจและสื่อสารไปยังประชาชนที่จะเดินทางมาแสดงความไว้อาลัยบริเวณท้องสนามหลวงและบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง สิ่งแรก การแต่งกายให้ถูกต้อง สตรีต้องแต่งกายสุภาพสีดำ กระโปรงยาวคลุมเข่า สวมรองเท้าหุ้มส้น บุรุษสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงสแล็ก รองเท้าหุ้มส้นเช่นกัน ส่วนการเดินทาง ขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้บริการรถขนส่งมวลชน หรือเดินทางมาเป็นกลุ่มแล้วจอดรถบริเวณนอกสนามหลวง

โฆษก กทม. กล่าวว่า กทม.และรัฐบาลได้ตั้งเต็นท์จุดรับบัตรคิวสำหรับประชาชน ซึ่งหากหันหน้าเข้าพระบรมมหาราชวัง จุด รับบัตรคิวจะอยู่ทางขวามือ หากเดินทางมาจากท่าพระจันทร์ เดินตรงขึ้นมาทางถนนพระอาทิตย์จะใกล้จุดรับบัตรคิวมากที่สุด โดยจุดรับบัตรคิวจะเปิดให้รับบัตรตั้งแต่ เวลา 08.30-16.30 น. จะแจกบัตรคิววันละ 45,000 ใบ เมื่อรับบัตรคิวแล้วโดยปกติจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการรอที่จะเข้าไปกราบพระบรมศพ ซึ่งเมื่อรับบัตรคิวแล้ว กทม.จะมีจุดรอตามเต็นท์ที่จัดไว้ให้เต็นท์ละ 100 คน มีทั้งหมด 13 เต็นท์ ในกรณีที่ได้รับบัตรคิวที่ 14 เป็นต้นไป จะมีเต็นท์พักรอเพื่อให้ 13 คิวแรกเข้าไปก่อน นอกจากนั้น บริเวณกลางสนามหลวง กทม.ได้ตั้งเต็นท์เพิ่มอีก 6 เต็นท์ เพื่อให้ประชาชนได้นั่งพักรอ ไม่ต้องยืนตากแดด ผู้ได้รับบัตรคิวสามารถคำนวณเวลาได้ คือ 13 เต็นท์ แต่ละเต็นท์รองรับได้ 100 คน จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ผู้ที่ได้คิวหลังจากนั้นอาจไปเดินเล่นหรือรับประทานอาหารก่อนได้

แจงโซนแจกอาหาร-จุดที่พัก

น.ส.ตรีดาวกล่าวว่า สำหรับเรื่องอาหารหรือของบริจาค กทม.แบ่งโซนอาหารเป็น 2 โซน คือโซนทิศใต้นับจากกลางสนามหลวงไปทางวัดพระแก้ว โซนนี้ไม่อนุญาตให้ปรุงอาหาร เป็นอาหารแห้งเท่านั้น ส่วนโซนทิศเหนือนับจากกลางสนามหลวงออกมา เป็นโซนอาหารสด สามารถปรุงอาหารแจกอาหารได้ แต่ต้องลงทะเบียนที่กองอำนวยการร่วมฯ ก่อน ซึ่งขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนเต็มไปถึงเดือนพ.ย.แล้ว ผู้ที่ประสงค์จะนำอาหารมาบริจาค ติดต่อได้ที่หมายเลข 1555

โฆษกกทม.กล่าวว่า ผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดและยังไม่มีที่พัก เพื่อความปลอดภัย กทม.ได้จัดที่พักอำนวยความสะดวกรวม 2 แห่ง คือ อาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์กีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง รองรับได้ 600 คน เป็นอาคารนอนปรับอากาศ หากมาเป็นหมู่คณะ ติดต่อโดยตรงไปยังศูนย์กีฬาไทย-ญี่ปุ่นได้เลย แต่หากมาเดี่ยวหรือ 2-3 คน ติดต่อที่กองอำนวยการร่วมฯ บริเวณสนามหลวงได้ เพื่อแจ้งความจำนงขอไปค้างที่ศูนย์กีฬาฯ ซึ่ง กทม. ได้จัดรถรับส่งจากสนามหลวงไปที่ยังที่ศูนย์กีฬาฯ วันละ 2 รอบ คือ 20.00 น. และ 22.00 น. ทั้งยังเตรียมบ้านอุ่นใจ ถนนแม้นศรี รองรับได้ 80 คน แยกเป็นผู้หญิง 60 คน ผู้ชาย 20 คน ติดต่อที่กองอำนวยการร่วมฯ เพื่อ ลงทะเบียน และมีรถบริการรับส่งเช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน