คสช.ฮึ่มค้าธนบัตร เคลือบทอง

โทษเท่าแบงก์เก๊ ลั่นดำเนินคดีแน่ “3 ฮีโร่”โอลิมปิก นำวิ่ง-เข้ากทม. ร่วมถวายบังคม

คสช.เตือนห้ามขาย แบงก์เคลือบทอง ชี้เข้าข่ายเลียนแบบ อาจถูกจับติดคุกทั่วประเทศ จัดกิจกรรมถวายสักการะและแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ “บิ๊กป้อม” นำคณะตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รอบสนามหลวง พร้อมสั่งสร้างสะพานแบริ่งเพิ่มเติมอีก หลังสามารถช่วยระบายคนได้ดี คมนาคมปรับแผนเตรียมรับมือคลื่นประชาชน วันที่ 28 ต.ค. บขส.เสริมรถ 2 พันเที่ยว กำแพงเพชร-นครสวรรค์แปรอักษร “เรารักในหลวง” และรูปเลข 9 แม่เฒ่านราฯ วอนช่วยพามากราบพ่อหลวง ปทุมฯจัดรถรับส่งฟรี 50 คันต่อวัน 3 ฮีโร่โอลิมปิกวิ่งร่วมอาลัย กลุ่ม ช่างภาพเปิดถ่ายภาพ น.ศ.เพาะช่างสกรีนเสื้อฟรี

“บิ๊กป้อม”นำคณะตรวจเยี่ยม

เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 23 ต.ค. ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ที่มาแสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

พ.อ.มนัส จันทร์ดี รองเลขาธิการร่วมฯ บรรยายสรุปว่า ทางเจ้าหน้าที่จัดการพื้นที่อย่างเป็นระบบ มีจุดคัดกรองประชาชนรวม 8 จุด ใช้กำลังทหาร ตำรวจ อาสาสมัครร่วมกันในการดูเเล จุดตรวจที่ 2 เป็นกองอำนวยการซึ่งอยู่ในพื้นที่สนามหลวงทั้งหมด 9 จุด เพื่อคัดกรองประชาชนอีกชั้นหนึ่ง ทั้งนี้ ทางทหารช่างได้สร้างสะพานแบริ่ง เอ็ม 2 ให้ประชาชนได้เดินทางเข้า-ออก ได้สะดวก ยิ่งขึ้น เพื่ออำนวยการจราจรในพื้นที่

สั่งสร้างสะพานแบริ่งเพิ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่ประชุม พล.อ. ประวิตรสั่งการให้ทหารช่างจากองพลทหารราบที่ 9 จัดสร้างสะพานแบริ่ง เอ็ม 2 เพิ่มอีก 1 จุดบริเวณข้างสะพานช้างโรงสี หลังกระทรวงกลาโหม โดยจะเริ่มสร้างหลังเที่ยงคืนวันนี้ (23 ต.ค.) และมีกำหนดเสร็จ 06.00 น. หลังสร้างสะพานแรก หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์สามารถช่วยจัดระบบการจราจรได้อย่างดี และหากยังไม่เพียงพอก็ให้สร้างเพิ่มอีก

จากนั้นพล.อ.ประวิตรพร้อมคณะออกตรวจเยี่ยมหน่วยบริการทางการแพทย์ ทั้งแพทย์ทหาร แพทย์กทม. ครัวสนามเคลื่อนที่ของกองทัพบก กองทัพอากาศ และกระทรวงกลาโหม ตรวจและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่จัดคิวเข้าถวายสักการะที่ประตูวิเศษไชยศรี และตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า ก่อนเผยว่า มาตรวจเยี่ยมตามความห่วงใยของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในการดูแลและอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่มาร่วมเเสดงความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งจากการฟังบรรยายจากกองอำนวยการร่วม กทม.และทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกัน ทำให้เกิดความปลอดภัยโดยเฉพาะมิจฉาชีพจะต้องไม่เกิดขึ้น ที่สำคัญคือจุดแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มต้องให้บริการอย่างทั่วถึง ยืนยันจะทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

คค.ปรับแผนรับมือ 28 ต.ค.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังการตรวจความเรียบร้อยการให้บริการจุดรับ-ส่ง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนเดินทางเข้าร่วมแสดงความไว้อาลัยถวายสักการะพระบรมศพว่า สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ถนนกำแพงเพชร และสนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา มีประชาชนใช้บริการรถชัตเติลบัสทั้ง 16 สาย ประมาณ 240,000 คน จุดที่มีประชาชนใช้บริการหนาแน่นที่สุดคือ สถานีขนส่งหมอชิต หัวลำโพง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีประชาชนใช้บริการ 26,000 คน ทำให้ต้องเพิ่มรถเป็น 25 คัน ให้บริการจนถึงเวลา 02.00 น. จากเดิมจัดรถรองรับไว้ 6 คัน

นายอาคมกล่าวว่า บรรยากาศการเดินทางเข้ามาที่สถานีขนส่งหมอชิตในช่วงเช้าวันนี้บางตาลงไป แต่ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาในวันที่ 28 ต.ค.นี้ เพื่อร่วมถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศ ในพระบรมมหาราชวังเป็นวันแรก โดยจะนำประสบการณ์จากเมื่อวันที่ 22 ต.ค.มาปรับแก้ เช่นเมื่อรถขนส่งมวลชนเข้าไปยังพื้นที่แล้วเกิดปัญหาไม่สามารถตีรถกลับมารับประชาชนได้

บขส.เสริมรถ 2 พันเที่ยว

พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม รรท.กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 ต.ค. จนถึง วันที่ 24 ต.ค. คาดว่าประชาชนจะทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ จำนวนมาก จึงจัดเที่ยววิ่งรถโดยสารจากปกติประมาณวันละกว่า 4,700 เที่ยว เพิ่มอีกวันละกว่า 2,000 เที่ยว ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้กว่า 150,000 คน ส่วนวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา บขส.จัดรถโดยสารทั้งรถ บขส. รถร่วมฯ และรถตู้ อำนวยความสะดวกประชาชนเดินทาง ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร, เอกมัย, สายใต้) รวมจำนวน 7,237 เที่ยว รองรับผู้โดยสารได้จำนวน 126,612 คน ส่วนเที่ยวกลับได้จัดเที่ยวรถเสริม จำนวน 7,254 เที่ยว รองรับผู้โดยสารได้จำนวน 122,987 คน

“วินธัย”เตือนแบงก์เคลือบทอง

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีมีการจำหน่ายธนบัตรที่มีลักษณะเคลือบทอง ที่ผลิตมาจากต่างประเทศและนำมาจำหน่ายในประเทศไทยว่า ขอเตือนประชาชนอย่าไปหลงเชื่อว่าเป็นธนบัตรจริง ผู้ที่นำเข้ามาจำหน่ายอย่าฉกฉวยโอกาสมาหาผลประโยชน์กับประชาชนในเวลาที่ไม่สมควร ถือเป็นการทำลายบรรยากาศภาพลักษณ์ที่ดีของคนไทย ขอให้ประชาชนอย่าไปหลงเชื่อซื้อธนบัตร ดังกล่าว ธนบัตรที่ถูกต้องจะต้องออกมาจากหน่วยงานของทางภาครัฐเท่านั้น หากไม่ใช่อาจถือเป็นการลอกเลียนแบบ ใครมีไว้จำหน่ายอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งหากเจ้าหน้าที่พบเห็นใครมีการจำหน่ายอาจถูกดำเนินการตามกฎหมายได้

กทม.ห่วงลูกหลานพลัดหลง

นายประสาร พิทักษ์วรรัตน์ ผอ.สำนักการโยธา กทม. กล่าวว่า หลังจากเมื่อวันที่ 22 ต.ค. ซึ่งมีมวลชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความไว้อาลัยซึ่งจากการคาดการณ์มีประมาณ 200,000-250,000 คน ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบคือความแออัดและป่วย นอกจากนี้ก็จะมีปัญหาในเรื่องสุขาที่ไม่เพียงพอ ทาง กทม.จึงเพิ่มรถสุขาจาก 20 คัน เป็น 40 คัน รอบบริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งยังไม่รวมรถสุขาของทางภาคเอกชน ที่นำมาเข้าร่วมให้บริการประชาชนในครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ก็ยังได้มีการเพิ่มเต็นท์ รวมถึงในส่วนของการดูแลความสะอาด โดย กทม.ได้ระดมเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดจากทุกเขตมาช่วยกัน นอกจากนี้ยังมีประชาชนที่มีจิตอาสา อาสาสมัครมาร่วมดูแลความสะอาดบริเวณโดยรอบ โดยมอบหมายให้ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้บริหารจัดการกลุ่มที่เข้ามาเป็นจิตอาสาทั้งหมด ให้เข้ามาลงทะเบียนเพื่อมอบหมายภารกิจให้แต่ละกลุ่มออกไปช่วยกันดูแลความสะอาด ซึ่งพบว่ามีประชาชนจิตอาสาเข้ามาลงทะเบียนกว่า 1,000 คน ถือว่ามากเกินคาดหมาย สำหรับ ผู้ปกครองที่นำบุตรหลานมาร่วมงานได้ประชาสัมพันธ์ให้เขียนชื่อผู้ปกครองและเบอร์โทร.ติดต่อใส่ไว้ในกระเป๋า พร้อมเพิ่มมาตรการให้จิตอาสาเมื่อพบเจอเด็กให้สอบถามเด็กมีชื่อผู้ปกครองติดกระเป๋าหรือไม่ ถ้าไม่มีก็จะให้ช่วยเขียนติดกระเป๋าให้ ที่ผ่านมาพบมีเหตุเด็กพลัดหลงกับผู้ปกครองบ้าง แต่ได้มีการประชาสัมพันธ์สุดท้ายก็เจอ

ยาย 75 ยึดคำสอนในหลวง

ยายสมจิตร ผดุงเศรษฐกิจ วัย 75 ปี จาก จ.ตรัง กล่าวถึงความรู้สึกในการเดินทางมายังท้องสนามหลวงว่า ตลอดเวลาที่ในหลวงประชวรและเสด็จฯ ประทับที่ร.พ.ศิริราช ตนและครอบครัว ติดตามพระอาการมาโดยตลอดและภาวนาให้พระองค์หายไวๆ เมื่อพระองค์จากไปก็รู้สึกเสียใจมากๆ จึงได้เดินทางขึ้นมากรุงเทพฯ พร้อมกับหลาน แต่ด้วยความที่ร่างกายตนไม่แข็งแรง เคยผ่าตัดขาถึง 3 ครั้งจากอุบัติเหตุรถชนและดามเหล็กไว้ จึงไม่สามาถรอคิวเพื่อเข้าไปสักการะพระบรมศพได้ แต่เมื่อตนกลับไปจ.ตรัง ทางชุมชนก็คงจัดจุดให้ลงนามตนก็จะเข้าร่วม และจะเดินทางกลับมายังท้องสนามหลวงอีกครั้งกับเพื่อนร่วมชุมชนใน จ.ตรัง

ยายสมจิตรกล่าวอีกว่า คำสอนของในหลวงที่ตนนำไปสั่งสอนอบรมลูกหลานมีหลายแนวทาง แต่ที่เน้นย้ำเป็นพิเศษคือการให้ปฏิบัติตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง รู้จักพอรู้จักประมาณตน นอกจากนี้ ยายสมจิตรยังฝากถึงลูกหลานชาวไทยทุกคนว่าอยากให้คนไทยรักและสามัคคีกัน ร่วมกันทำประเทศชาติให้ร่มเย็นดังเช่นครั้งเมื่อพระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่

กำแพงเพชรน้อมรำลึกฯ

นายธานี ธัญญาโภชน์ ผวจ.กำแพงเพชร นำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติและร่วมแสดงความอาลัย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมบันทึกเทปโทรทัศน์ เพื่อเป็นภาพประวัติศาสตร์ของจังหวัดกำแพงเพชร ณ ลานพระพุทธภูมินทร์อสีติวัสสามังคลานุสรณ์ (ลานพระใหญ่) ศูนย์ราชการจังหวัดกำแพงเพชร ส่วนที่ลานหน้าศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีวางพวงมาลาวันปิยมหาราช นายธนาคม จงจิระ ผวจ.นครสวรรค์ นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา ประชาชน จัดเข้าแถวเป็นรูปเลข 9 ไทยโดยมีรูปตัวมังกรอยู่ด้านล่าง เพื่อแสดงความไว้อาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ขอนแก่นจัดตุลามหากุศล

ที่ ลานกีฬาต้านยาเสพติด ริมบึงแก่นนคร ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายก ทน.ขอนแก่น พร้อมด้วยตัวแทนองค์กร สมาคม องค์กรภาครัฐและเอกชนในจังหวัดขอนแก่น ได้จัดงาน 163 ปี สดุดีสมเด็จพระปิยมหาราช 23 ตุลามหากุศล ทำดีได้ดี ประจำปี 2559 (ครั้งที่ 18) พร้อมทำพิธีทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมกับเปิดรับบริจาคโลหิต ดวงตา และอวัยวะ ตัดผมฟรี เปิด 100 โรงทาน และแจกข้าวสารถุงละ 5 ก.ก. จำนวน 5 หมื่นถุง ให้แก่ผู้ยากไร้ที่มาร่วมงาน โดยมี พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน และมีเศรษฐา ศิริฉายา และ อรัญญา นามวงศ์ อดีตดารานักแสดงชื่อดัง เข้ามาร่วมในพิธีแจกข้าวให้กับผู้ยากไร้ครั้งนี้ด้วย

โชว์ภาพในหลวงเสด็จฯพิมาย

ที่ร้านถ่ายรูปพรศิลป์ ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา นำภาพประวัติศาสตร์เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาเยือน อ.พิมาย เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2498 จำนวนกว่า 200 ภาพ มาใส่กรอบติดไว้ภายในร้าน เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ชมได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ นายคงภพ พัฒนพีระเดช อายุ 78 ปี เจ้าของร้านเผยว่า ภาพเหล่านี้ตนเริ่มนำมาใส่กรอบติดไว้นานกว่า 30 ปีแล้ว เนื่องจากเป็นภาพที่หาชมยากมาก ซึ่งวันที่ทั้งสองพระองค์เสด็จฯมาเยือน อ.พิมาย ตนมีอายุเพียง 16 ปี ทั้งสองพระองค์เสด็จฯไปหลายที่ เช่น ปราสาทหินพิมาย อุทยานไทรงาม และศูนย์พันธุ์ข้าว เป็นต้น ต่อมาในปี 2505 ก็ได้มีการบูรณะปราสาทหินพิมายครั้งใหญ่ จนกระทั่งบูรณะเสร็จเป็นปราสาทหินพิมายที่มีความสวยงามในปัจจุบัน จึงถือว่าพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาว อ.พิมาย อย่างหาที่สุดมิได้จนถึงทุกวันนี้

ผวจ.โคราชชวนจุดเทียนถวาย

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมในวันบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) สร้างประวัติศาสตร์ ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ “ร่วมร้อยดวงใจ สร้างแสงเทียนหนึ่งดวง จากใจถึงพ่อแสดงความอาลัยในหลวง” ตั้งแต่เช้าวันที่ 27 ต.ค. เวลา 06.00 น. ที่ลานย่าโม ทุกภาคส่วนร่วมพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง จากนั้นทำพิธีเปิดโรงครัวของพ่อ ทานบารมี 89 ซุ้ม “ละชีวิต สร้างกุศล แทนพ่อเพื่อปวงประชา” ที่หอประชุมเปรม ติณสูลานนท์ ด้านหลังศาลากลางจังหวัด เวลา 10.00 น. แสดงพระธรรมเทศนาการบำเพ็ญกุศลสวด พระพุทธมนต์ ถวายภัตตาคารเพล และเวลา 15.00 น. พิธีสวดพระอภิธรรม ต่อมาเวลา 17.00 น. จะมีพิธีจุดเทียนแสดงความอาลัยจำนวน 32,798 เล่ม จากนั้นร่วมขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี กับวงสยาม ซิมโฟนี่ ออร์เคสตร้า ควบคุมโดย อาจารย์สมเถา สุจริตกุล ซึ่งมีนายปรัชญา ปิ่นแก้ว นายธนิตย์ จิตนุกูล และนายบัณฑิต ทองดี ทีมงานผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ทำหน้าที่กำกับภาพและเสียง ทุกขั้นตอนมีการถ่ายทอดสดผ่านจอแอลอีดีขนาดใหญ่ 4 จุด พร้อมบันทึกภาพ เพื่อจัดทำเป็นวีดิทัศน์เฉลิมพระเกียรติ คาดมีประชาชนมาร่วมกิจกรรมประมาณ 5 หมื่นคน

อุดรฯร้านดังแจกสติ๊กเกอร์

ส่วนที่ จ.อุดรฯ ร้านทำป้ายและตัดสติ๊กเกอร์ “โปรอิมเมจ” เขตเทศบาลนครอุดรธานี ตัดสติ๊กเกอร์ข้อความว่า “ฉันเกิด ในรัชกาลที่ ๙ ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป” แจกจ่ายฟรีให้ประชาชนนำไปติดรถหรือติดบริเวณที่ต้องการ

นางอภัสรา ทิพย์ประเสริฐ อายุ 35 ปี เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับนายพูลชัย จันทยกุลกิจ อายุ 39 ปี พี่ชาย เปิดร้านทำป้ายและตัดสติ๊กเกอร์มาประมาณ 15 ปี มีลูกค้าทั้งในและต่างจังหวัดจำนวนมาก หลังจากที่ทราบข่าวการเสด็จสวรรคต ตนและพี่ชายปรึกษากันว่าจะทำความดีอะไรถวายในหลวง ในที่สุดก็ได้ตกลงกันว่าขอนำความชำนาญในอาชีพมาตัดสติ๊กเกอร์แจกและติดรถให้ประชาชนฟรี เพราะเราอยู่ในภาวะเดียวกันคือเศร้าโศกเสียใจ เมื่อเห็นรอยยิ้มของผู้มารับแจกก็รู้สึกดีใจ คงพอจะคลายความทุกข์โศกได้บ้าง โดยทางร้านจะแจกไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด ส่วนลูกค้าในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดที่ไม่สามารถมารับได้ ก็จัดส่งให้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตนและพี่ชายตลอดจนพนักงานทุกคน อยากถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 อยากจะบอกว่าเรารักในหลวง จะทำความดีและจะยึดหลักคำสอนของพระองค์ ให้อยู่อย่างพอเพียง

หนุ่มเยอรมันเดินจากร้อยเอ็ด

นายฮาร์ทมุท เบเรน สัญชาติเยอรมันจากเมืองฮัมบวร์ก อายุ 58 ปี เดินเท้าจาก บ.คำฮี ต.ขั้นบันไดใหญ่ อ.เมือง จ.ยโสธร เพื่อมาสักการะพระบรมศพ ที่ กทม. โดยเจ้าตัวจะใช้เส้นทางยโสธร พนมไพร สุวรรณภูมิ เกษตร วิสัย ปทุมรัตต์ ประทาย โคราช สระบุรี กรุงเทพฯ โดยจะเดินเท้าไปคนเดียว วันละอย่างน้อย 20 ก.ม. พร้อมกับอุปกรณ์เดินทาง ล้อเลื่อนแบบลากตาม เต็นท์นอน ล่าสุดเดินทางในวันแรก เจ้าตัวมาถึง อ.สุวรรณภูมิ แล้ว แต่จากการตรวจสุขภาพของหน่วยพยาบาลพบว่า ความดันสูงถึง 180 จึงแนะนำให้หยุดพักผ่อนก่อน แล้วค่อยเดินเท้าต่อในเวลา 04.00 น. คาดว่าพรุ่งนี้จะเดินเท้าต่อไปยัง อ.เกษตรวิสัย อ.ปทุมรัตต์ เพื่อข้ามรอยต่อของจังหวัดร้อยเอ็ด เข้า อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ต่อไป

ชาวคริสต์ระนองร่วมอาลัย

ที่ โบสถ์วัดพระหฤทัยแห่งพระเยซูเจ้า จ.ระนอง เหล่าคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิก ได้ประกอบพิธีขอบพระคุณ ถวายเป็นพระราชกุศล และแสดงความไว้อาลัย โดยมี มุขนายกสังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี โจเซฟ ประธาน ศรีดารุณศีล เป็นผู้นำอธิษฐานภาวนาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และมีนายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผวจ.ระนอง เข้าร่วมพิธี

โดยระหว่างที่นายจตุพจน์นำกล่าวคำสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เจ้าตัวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ด้วยความอาลัยและความซาบซึ้ง ต้องหยุดกล่าวชั่วขณะเพราะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะกล่าวต่อจนจบ พร้อมนำร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ร่วมกับเหล่าคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิก

กระบี่แจกข้าวแกงฟรี

บริเวณลานอเนกประสงค์สวนสาธารณะสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีเทศบาล นครภูเก็ต เป็นประธานปล่อยขบวนรถจักรยาน กว่า 500 คัน ที่เข้าร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานรอบสวนสาธารณะสะพานจำนวน 13 รอบ รวมระยะทาง 19.99 กิโลเมตร จากนั้นรวมพลแปรขบวนเป็นรูปเลข 9 ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และยืนสงบนิ่ง 9 นาที เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นการแสดงความไว้อาลัย ขณะที่นางอรอุมา ผลอินทร์ อายุ 60 ปี หรือป้าซุ้น เจ้าของร้านข้าวแกงสิบบาทที่บ้านคลองแรด ม.7 ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เปิดบริการแจกฟรีเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งหากใครผ่านไปมาก็สามารถแวะมาทานได้ และยังมีบริการกับข้าวใส่ถุงด้วย โดยจะตั้งตู้รับเงินบริจาคเพื่อเอาเงินทั้งหมดไปทำบุญช่วยเหลือผู้ประสบภัย ป้าซุ้นบอกว่าถึงแม้ว่าร้าน ของตนจะจำหน่ายกับข้าวราคาแค่สิบบาท แต่ข้าวที่หุงนั้นเป็นข้าวสารอย่างดี เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ สังข์หยด ราคาก.ก.ละ 60 บาท เพื่อให้ลูกค้าทานแล้วมีความสุข และได้คุณค่าทางอาหารเต็มที่ ตนก็มีความสุขด้วย ตนตั้งใจว่าจะทำความดีถวายพ่อ นำคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป

สุราษฎร์ร่วมบูรณะศาลาที่ประทับ

ที่หน้า สภ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี กลุ่มชาวบ้านร่วมกับข้าราชการตำรวจ กว่า 30 นาย ร่วมกันบูรณะศาลาที่ประทับ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยเสด็จฯไปประทับ ครั้งเสด็จฯเยี่ยมราษฎรใน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นครั้งที่ 7 ที่อ.คีรีรัฐนิคม เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2512 โดยในครั้งนั้นมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมารอเฝ้าฯรับเสด็จเป็นจำนวนมาก นายบุญเลิศ ศรีสวัสดิ์ อายุ 62 ปี ชาวบ้านที่เคยมารอเฝ้าฯรับเสด็จ เล่าถึงเหตุการณ์ความประทับใจในครั้งนั้นว่า ตนเองอายุเพียงแค่ 12 ปี ซึ่งตอนนั้นเส้นทางทุรกันดารมาก เมื่อทราบข่าวว่าพระองค์จะเสด็จฯมา ตนพร้อมกับญาติๆ เดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 15 กิโลเมตร เพื่อมารอเฝ้าฯรับเสด็จและชื่นชมพระบารมี ขณะที่นายอำนาจ เจริญพร อายุ 47 ปี ประธานชมรมจักรยานทำเนียบเขาวงไบค์ นำเหรียญที่สะสมไว้กว่า 40 ปี มาแจกให้ผู้ที่มาลงนามและร่วมบูรณะศาลาที่ประทับจำนวน 499 เหรียญ เพื่อเป็นการแสดงความไว้อาลัย และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

ขณะที่นายไมเคิล เดวิด แฮมมิว อายุ 46 ปี ชาวออสเตรเลีย ที่เดินเท้าจาก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี มุ่งหน้าสู่พระบรมมหาราชวัง เพื่อแสดงความอาลัย ได้เดินมาเป็นวันที่ 5 โดยมุ่งหน้ามาตามเส้นทางถนน สาย 41 มาถึงบริเวณ ต.เสวียด อ.ท่าฉาง บรรดาแม่ค้าขายของฝากริมทาง ต่างพากันนำไข่เค็ม ขนม และน้ำดื่ม มาให้เป็นเสบียงและให้กำลังใจ ตลอดเส้นทางยังมีประชาชนมาคอยให้กำลังใจ นำอาหารและเครื่องดื่มมาฝากอย่างไม่ขาดสาย พร้อมขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก และอวยพร ให้ประสบความสำเร็จในการเดินเพื่อในหลวง ซึ่งเจ้าตัวมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มตลอดทางและจะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป

นครศรีฯร่วมร้องเพลงสรรเสริญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00 น. ของคืนวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา แม้ทางจังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่มีการจัดพิธีร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีในการแสดงความอาลัย แต่ทางสมาคมผู้สื่อข่าวนครศรีธรรมราช โดยนายณรงค์ ธีรกุล นายกสมาคมผู้สื่อข่าว ได้นัดหมายกับกลุ่มผู้สื่อข่าวในจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยเริ่มคิดกันเมื่อเวลาประมาณ 2 ทุ่ม จากนั้นก็ ได้มีการนัดหมายกันทางไลน์ และเฟซบุ๊ก เชิญชวนพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชให้ออกมาร่วมกัน ที่บริเวณหน้าศาลาประดู่หก ริมถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ปรากฏว่าใช้เวลาประมาณ 1-2 ช.ม. พี่น้องประชาชนจำนวนกว่า 1,000 คน ทยอยกันเดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมดังกล่าวจนเต็มหน้าศาลาประดู่หก ซึ่งผู้เข้าร่วมได้นำเทียนไขมาเอง โดยไม่ใครเป็นเจ้าภาพหลัก แต่เป็นความพร้อมใจกันเดินทางมาร่วมอย่างล้นหลาม

ขณะผู้ที่ออกมาร่วมกิจกรรมต่างระบุว่า อยากจะไปร่วมร้องเพลงที่ท้องสนามหลวงแต่ไม่สามารถเดินทางไปได้ เมื่อเห็นมีการนัดหมายทางโซเชี่ยลเลยดีใจ และออกมารวมตัวกันก่อนมีการร้องเพลงกันเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณพร้อมร่วมปักเทียนไข และเมื่อเทียนไขดับหมด ทุกคนก็ช่วยกันเก็บบริเวณสถานที่ให้สะอาดเหมือนเดิม

ทึ่งไข่ไก่มีรูปเลข 9

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฮปปี้ ชิกเค้น ฟาร์ม ที่บ้านห้วยหมอ ต.ท่างิ้ว อ.เมือง จ.นครศรีฯ ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ของนายสุรินทร์ จำนงค์บุตร อายุ 66 ปี อดีตตชด. พบไก่ไข่ออกมาที่เปลือกไข่ด้านนอกเป็นรูปเลข 9 อารบิก สร้างความฮือฮาให้กับเจ้าของและคนงานภายในฟาร์มเป็นอย่างมาก นายสุรินทร์เจ้าของฟาร์มระบุว่า ที่บ้านเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่เล็กๆ มีไก่อยู่ประมาณ 100 ตัว แต่ละวันจะมีการไข่ออกมาประมาณ 60 ใบ วันนี้ขณะเดินเก็บไข่พบว่ามีไข่ใบหนึ่งที่เปลือกด้านนอกมีรอยเป็นรูปเลข 9 อารบิก ซึ่งตนและลูกได้นำมานั่งดูและถึงกับขนลุกว่าไม่น่าเชื่อเลย และเมื่อชาวบ้านละแวกใกล้เคียงทราบข่าว ก็เดินทางมาดูและต่างก็ฮือฮาไปตามๆ กัน โดยตนได้นำไข่ใบนี้ไว้บนหิ้งเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกและจะขอถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน โดยการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทเศรษฐกิจพอเพียง

พ่อค้าสงขลาเดินเข้ากรุง

วันที่สองของการเดินเท้าจาก อ.หาดใหญ่ มายังสนามหลวง ของนายอธิตา ศรีทวีป อายุ 30 ปี หรือบ่าวตา ชาว จ.สตูล เพื่อถวายสักการะพระบรมศพและร่วมลงนาม ได้เดินทางถึง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ตลอดเส้นทางยังคงมีประชาชนที่ทราบข่าวนำน้ำอาหารและเงินมาช่วยเหลือและเป็นกำลังใจตลอดเส้นทาง

นายอธิตากล่าวว่า ตนนอนพักค้างคืนที่บ้านของชาวบ้านที่สี่แยกคูหา อ.รัตภูมิ ซึ่งได้รับการดูแลและช่วยเหลือเป็นอย่างดี หลังจากที่เริ่มออกเดินจากอ.หาดใหญ่ ประมาณ 30 กิโลเมตร แม้จะปวดเมื่อยไปทั้งตัวและคิดว่าไม่น่าจะเดินรอด แต่พอตื่นขึ้นมาตอนเช้ากลับหายปกติ ซึ่งความเหนื่อยไม่ได้ทำให้ตนท้อและยิ่งทำให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะกำลังใจจากผู้คนตลอดเส้นทาง ที่ล้วนรักในหลวงจะทำให้สำเร็จถึงแม้ระยะทางกว่า 1,000 ก.ม.ก็ไม่เป็นอุปสรรค

แม่เฒ่าวอนช่วยพากราบพ่อหลวง

นางดอกไม้ แก้วบุตรดี หรือยายไม้ แม่เฒ่าวัยเกือบ 80 ปี ที่เคยไปรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เมื่อครั้งเสด็จฯมาเยี่ยมพสกนิกรในจ.นราธิวาส เล่าให้ฟังว่า เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นดีใจมาก ที่ทราบว่าพ่อหลวงจะเสด็จฯมา และตนจะได้เข้าเฝ้าฯพร้อมกับคนอื่นๆ จึงได้รีบตื่นแต่เช้าแต่งตัวไปรอเฝ้าฯรับเสด็จที่สนามบินนราธิวาส เมื่อท่านเสด็จฯมาดีใจมากพร้อมกับก้มลงกราบแทบพระบาท และทูลเกล้าฯถวายดอกไม้แด่พ่อหลวง ซึ่งพ่อหลวงรับเองกับมือท่าน พร้อมกับรับสั่งถามสบายดีไหม เป็นอย่างไรบ้าง ด้วยความตื้นตันใจ ดีใจมากจนพูดไม่ถูก หลังถวายดอกไม้ท่านแล้ว จึงถามพ่อหลวงว่า ขอจับมือท่านได้ไหมเจ้าค่ะ ท่านตอบว่า ได้ แล้วท่านก็หัวเราะ ยายเลยรีบแตะมือท่านเบาๆ มือท่านขาวเนียนมากๆ ตอนนั้นพูดไม่ออก ดีใจจนน้ำตาไหล และได้เก็บภาพความทรงจำนั้นไว้ไม่เคยลืม “พอทราบว่าพ่อหลวงสิ้นแล้วรู้สึกเสียใจมาก ได้แต่มองทีวีแล้วร้องไห้ น้ำตาไหล คิดถึงพ่อหลวงนั่งดูทีวีทั้งวัน อยากจะไปหาท่าน อยากไปกราบท่านที่สนามหลวง แต่ไปไม่ได้ ไปไม่ถูก ไม่มีเงินค่ารถ อีกทั้งไม่รู้หนังสือ ขอวิงวอนหน่วยงานใดที่จะพายายไปกราบพ่อหลวงได้ ช่วยให้สมหวังด้วย ตั้งจิตอธิษฐานหากยังมีบุญวาสนา ขอได้ไปกราบท่านอีกสักครั้ง” ยายไม้กล่าวด้วยเสียงสะอื้น

ปทุมฯจัดรถรับส่งฟรี

กลุ่มนักธุรกิจและชาวบ้านชุมชนวัดแสนสุข ต.บางปลากด อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ร่วมกันตั้งเต็นท์ทำผัดไทยเลี้ยงประชาชนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ที่วัดแสนสุข นายฉลวย กระจ่างจิตร์ สมาชิก ทต.ป่าโมก กล่าวว่า เพื่อเป็นการทดแทนคุณแผ่นดินหันมาทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน ตอนแรกเตรียมวัสดุที่จะทำผัดไทยในวันนี้จำนวน 120 กิโลกรัม แต่เนื่องจากมีประชาชนมาเข้าคิวรอรับเป็นจำนวนมาก ก็เลยตัดสินใจผัดไทยแจกแบบไม่อั้น หากหมดแล้วก็จะทำใหม่ ซึ่งทุกคนภูมิใจที่ได้ทำแบบนี้ และก็ปลื้มใจที่เห็นพี่น้องประชาชนออกมารอรับกันในวันนี้ ส่วนที่วัดเถรพลาย ต.วังน้ำซับ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ชาวบ้านร่วมประเพณีตักบาตรขนมครก ซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมคู่กับวัดเถรพลาย และเป็นการทำบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลด้วย ด้านเทศบาลนครรังสิต พสกนิกรพร้อมใจนัดรวมตัวกันเดินทางมาท้องสนามหลวงเพื่อไปร่วมแสดงความอาลัย โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีนำรถปรับอากาศขนาดใหญ่จำนวน 50 คัน ให้บริการฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เริ่มให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. ของทุกวัน

หนุ่มเยอรมันซึ้งใจคนไทย

น.ส.วิรามร อาสานอก และนายแอนเดรีย สามี ชาวเยอรมัน คู่รักที่เดินทางมายังท้องสนามหลวง เพื่อถวายสักการะพระบรมศพ โดยน.ส.วิรามร กล่าวว่าตั้งแต่รู้จักและคบหากับคนรักชาวต่างชาติซึ่งเป็นชาวเยอรมัน ตนก็บอกกับเขาตลอดว่าคนไทยรักในหลวงเหมือนพ่อ เมื่อพระองค์ประชวรตนก็ภาวนาอยากให้พระองค์ท่านทรงหาย ต่อมาเมื่อพระองค์สวรรคตทันทีที่ทราบข่าวทางแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์ ตนร้องไห้โฮจนแฟนต้องปลอบใจและบอกว่าไม่เป็นไรๆ ซึ่งเขาก็เข้าใจความรู้สึกในตอนนั้น และแม้ว่าพระองค์จะจากไปแล้วแต่ตนก็จะนำคำสอนของพระองค์มาใช้ในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ประหยัด

ขณะที่นายแอนเดรียกล่าวว่า ตนอาศัยอยู่เมืองไทยได้ 1 ปี รับรู้ถึงความรักที่ประชาชนมอบให้ในหลวงมาโดยตลอด เพราะแฟนของตนจะพูดเสมอว่ารักในหลวงอย่างไร และเท่าที่ตนได้ติดตามข่าวก็เห็นถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ได้ทำเพื่อคนไทยทุกคน เมื่อตนได้มีโอกาสเดินทางมาสนามหลวงในวันนี้ ก็เห็นภาพที่น่าประทับใจมากเพราะคนไทยทุกคนพร้อมกันแต่งกายไว้ทุกข์ให้พระองค์ท่าน เป็นสิ่งที่ตนจะจดจำไปตลอด

3 ฮีโร่โอลิมปิกวิ่งร่วมอาลัย

ด้านอดีตนักชกเหรียญโอลิมปิกเกมส์ ประกอบด้วยมนัส บุญจำนงค์ วรพจน์ เพชรขุ้มและสุริยา ปราสาทหินพิมาย เตรียมร่วมกันออกวิ่งจาก อ.บ้านหมี่ ในวันจันทร์ที่ 24 ต.ค. นี้ เพื่อมาร่วมถวายสักการะพระบรมศพ และลงนามแสดงความไว้อาลัย ที่พระบรมมหาราชวัง โดยมนัสนักชกประวัติศาตร์ของไทยเปิดเผยว่า จะเข้ากราบนมัสการพระครูประภัทรธรรมทิน เจ้าอาวาสวัดพุน้อย เจ้าคณะอำเภอหนองม่วง ก่อนจะเริ่มต้นวิ่งจากลพบุรี มายังท้องสนามหลวง สำหรับกิจกรรมวิ่งครั้งนี้จะมีนักศึกษาและชาวบ้านร่วมด้วย สำหรับเส้นทางจะเริ่มต้นที่ที่ว่าการอำเภอบ้านหมี่ วิ่งวนในตลาดเทศบาลบ้านหมี่ ก่อนขึ้นถนนหลวงสายบ้านหมี่-สิงห์บุรี ขึ้นถนนสายเอเชียมุ่งหน้าสู่พระบรมมหาราชวัง คาดใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน

ด้านวรพจน์ กล่าวว่า นักมวยโอลิมปิกชุดเหรียญเอเธนส์เกมส์ จะวิ่งรวมระยะทางกว่า 220 กิโลเมตร น่าจะแวะพักเพียง 2-3 จุดเท่านั้น เนื่องจากทุกคนซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้เข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิด เมื่อครั้งได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นยังอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม

“ทุกๆ นาทีในวันที่ได้เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมยังจำได้ติดตาไม่มีวันลืมเลือน การได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์เป็นความภูมิใจหนึ่งในชีวิต แต่การได้เข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิดและได้พาพ่อ-แม่เข้าเฝ้าฯด้วยเป็นเหตุการณ์ที่ภูมิใจยิ่งกว่า เนื่องจากผมเองก็ไม่เคยคิดฝันว่าจะมีโอกาสนี้ในชีวิต วันที่เข้าเฝ้าฯและทูลเกล้าฯถวายเหรียญรางวัลจากโอลิมปิกเกมส์ พระองค์ทรงหยิบเหรียญของทุกคนมาทอดพระเนตร และรับสั่งว่า เหรียญของนักกีฬาเป็นเหรียญที่ทุกคนสมควรได้รับ เราไม่ได้ไปแข่งขันด้วย ขอคืนเหรียญให้ทุกคนนำไปเก็บไว้เป็นเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล พระองค์ยังตรัสอีกว่าทอดพระเนตรการแข่งขันของทุกคนทุกคืนเหมือนคนไทยทุกคน และแม้แต่คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยงก็เห่าร่วมเชียร์อยู่ข้างๆ ด้วยเมื่อได้แต้ม พวกเราทุกคนมีความประทับใจมาก เพราะเป็นนักกีฬาโอลิมปิกเกมส์กลุ่มสุดท้ายที่มีโอกาสเข้าเฝ้าฯพระองค์” ฮีโร่โอลิมปิกกล่าว

หนุ่มใหญ่เดินแสดงความอาลัย

ที่บริเวณหน้าสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต นายนิกร พวงแย้ม อายุ 53 ปี ชาว จ.ชัยนาท ออกเดินเท้าจาก อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ช่วงเวลาตี 3 เพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ ที่พระบรมมหาราชวัง นายนิกรกล่าวว่าที่ทำวันนี้ไม่ได้อยากมี ชื่อเสียง แต่อยากมาสักการะพระบรมศพและหวังเพียงว่าอยากให้คนทั้งโลกได้รับรู้ว่าประชาชนของพระองค์ท่านมีความจงรักภักดีต่อพระองค์มากเพียงใด ก่อนหน้าได้พูดคุย กับลูกเมียก็บอกว่าอยากให้ตนทำให้สำเร็จ เพื่อเป็นเกียรติของวงศ์ตระกูล ก่อนหน้าลูกชายคนสุดท้องของตน พึ่งได้รับราชการตำรวจในยศสิบตรี ของตำรวจภูธรภาค 1 เพียง 4 เดือน ยังได้มีโอกาสได้รับใช้พระเจ้าอยู่หัว ตนในฐานะหัวหน้าครอบครัวจึงอยากเป็นตัวแทนแสดงออกถึงความสำนึกในพระมหากรุณา ธิคุณ

นายนิกรกล่าวต่อว่า การวางแผนในการเดินครั้งนี้ จะใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง คิดเป็นระยะทาง 75 กิโลเมตร เส้นทางที่ ใช้คือ อ.วังน้อย รังสิต ดอนเมือง แยกลาดพร้าว อนุสาวรีย์ชัยฯ และสนามหลวง หลังจากถึงสนามหลวงแล้ว จะค้างคืน 1 คืน จากนั้นเช้าวันที่ 24 ต.ค.จึงเข้าสักการะพระบรมศพแล้วจึงเดินทางกลับ

กลุ่มรำลึกถึงพ่อถ่ายภาพฟรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่ม “รำลึกถึงพ่อ” ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของช่างภาพมืออาชีพกว่า 20 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเพื่อถ่ายภาพ ให้กับประชาชนที่เดินทางมา

ถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามสมุดหลวงเพื่อแสดงความไว้อาลัย โดยตั้งจุดถ่ายภาพบริเวณสนามหลวง มีฉากหลังเป็นพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก

นายวีระ เฉลียวปิยะสกุล ตัวแทนกลุ่ม กล่าวว่า ตนทำงานที่บริษัทนิกคอน เซลส์ ประเทศไทย ได้รู้จักกับบรรดาช่างภาพมืออาชีพอยู่แล้ว เมื่อพระองค์สวรรคตก็เลยคุยกับกลุ่มช่างภาพที่สนิทกันว่าเราควรทำอะไรให้พระองค์ได้บ้าง และเป็นที่ทราบกันดีว่าพระองค์รักการถ่ายภาพ พวกเราจึงแสดงความจงรักภักดีพระองค์ผ่านการถ่ายภาพที่พวกเรารัก เพราะคิดว่าประชาชนทุกคนที่เดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ และต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ น่าจะต้องการมีภาพถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกจึงเกิดเป็นโครงการนี้ขึ้นมา โดยวันนี้เป็นวันแรกและจะเปิดให้ถ่ายอีกครั้งในวันที่ 24 ต.ค. จากนั้นก็จะประกาศให้ประชาชนทราบอีกครั้งว่าจะมาได้อีกครั้งวันไหน

สำหรับประชาชนที่ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็สามารถรอรับภาพได้เลยที่จุดถ่ายภาพสนามหลวง หรือสามารถดูภาพและโหลดไฟล์ภาพตนเองได้ที่เพจ “รำลึกถึงพ่อ”

น.ศ.เปิดสกรีนเสื้อฟรี

ด้านนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาลัยเพาะช่าง จัดกิจกรรม “ทำดีเพื่อพ่อ” เพื่อร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยรับสกรีนเสื้อให้ประชาชนที่เดินทางมาแสดงความไว้อาลัยฟรี ในวันที่ 24 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 17.00 – 22.00 น. บริเวณท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามพระแม่ธรณีบีบมวยผม โดยประชาชนที่มีความประสงค์จะใช้บริการ จะต้องนำเสื้อมาเอง สีใดก็ได้ จำนวนไม่เกิน 3 ตัวต่อคน

นายชนทัช พ่วงอินทร์ ตัวแทนนักศึกษา กล่าวว่า กิจกรรมนี้เกิดจากความตั้งใจของพวกตนที่ต้องการทำดีถวายในหลวง จึงคิดที่จะสกรีนเสื้อให้กับพี่น้องประชาชนที่มีความต้องการ ให้ได้มีเสื้อสวมใส่เพื่อแสดงความไว้อาลัยพ่อหลวงของเรา โดยค่าจัดทำทั้งหมดเป็นทุนของพวกตนที่เก็บเรี่ยไรมากันเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน