เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 ต.ค. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบปรับปรุงกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และกฎหมายคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ โดยรวบรวมไว้เป็นฉบับเดียวกัน รวบรวมหลักเกณฑ์ให้เป็นระบบ เพื่อให้การควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบเป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ โดยได้รับการพิจารณาความเห็นของส่วนราชการทั้งหมดแล้ว เช่น กระทรวงเกษตร กระทรวงสาธารณสุข และนำข้อเสนอแนะจากตัวแทนเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ สมาคมการค้ายาสูบไทย สมาคมชาวไร่ยาสูบบ่มเชียงใหม่ มาพิจารณาความเห็นมาปรับแก้ไขร่างตามความเหมาะสมแล้ว โดยแก้ไขเพิ่มเติมคำนิยามว่า ยาสูบ เพื่อให้ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีสารนิโคตินเป็นส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ เช่น บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า

ร่างพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. …. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว เป็นการนำเสนอสาระสำคัญของพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 มารวมเป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติบางประการให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน เช่น การขยายตัวของผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ กลยุทธ์ของธุรกิจยาสูบในการเพิ่มจำนวนผู้บริโภคยาสูบ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนเพื่อไม่ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบได้โดยง่ายซึ่งจะเป็นการลดจำนวนนักสูบรายใหม่อีกทางหนึ่ง รวมทั้งจะเป็นการลดภาระงบประมาณในด้านการช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ประชาชนอันเนื่องมาจากโรคที่เกิดจากการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบด้วย และในการดำเนินการร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากร่างพระราชบัญญัติด้วยแล้ว
พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ควบคุมยาสูบ พ.ศ…. ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ว่า เพื่อเป็นการบูรณาการในการออกมาตรการควบคุมยาสูบจากกฎหมายทุกฉบับตั้งแต่ปี 2538 รวมเป็นกฎหมายฉบับเดียว เพื่อควบคุมและคุ้มครองผู้ไม่สูบบุหรี่ โดยรวบรวมหลักเกณฑ์ต่างๆทั้งหมดด้วยการออกมาตรการให้การเข้าถึงบุหรี่มีความยากลำบากยิ่งขึ้น

พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการให้กำหนดเขตปลอดบุหรี่เพิ่มเติมที่เหมาะสมกว่าเดิม เพราะต้องเน้นการลดจำนวนผู้เสพบุหรี่ และไม่ต้องการให้เกิดผู้เสพรายใหม่ในส่วนของเยาวชน นอกจากนี้ สาระสำคัญ คือ ห้ามโฆษณาทุกรูปแบบ แม้แต่กิจกรรมธุรกิจเพื่อสังคม รวมถึงห้ามแบ่งแยกซองขายปลีกเด็ดขาด และกำหนดอายุผู้ซื้อจากเดิมอายุ 18 เป็นอายุ 20 ปี เพื่อต้องการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลง

นอกจากนี้ ห้ามจำหน่าย หรือ โฆษณาผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่มีสารนิโคติน เช่น บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า และบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงห้ามการสื่อสารการตลาด การแสดง ณ จุดขาย หรือ ติดฉลากการขาย หรือโฆษณา ทั้งนี้ มีการกำนดอายุขั้นต่ำของผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ยาสูบ จากเดิม 18 เป็น 20 ปี รวมถึงห้ามโฆษณาการตลาดทุกรูปแบบ ทั้ง ชื่อ เครื่องหมาย และห้ามแจกจ่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบเป็นตัวอย่างให้ทดลอง ห้ามแบ่งซองขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบต้องจัดส่งรายงานประจำปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน